Monday, October 30, 2006

อีกก้าวหนึ่ง

และแล้วในที่สุด วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง...

หลังจากสัมภาษณ์ไปตั้งนานมาหลายเดือนแล้ว เกือบหมดหวังไปแล้วว่า คงจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วนะเนี่ย ร่ำๆอยากจะหางานใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า

วันนี้ตอนเย็น พี่เทพเรียกไปพบ พร้อมกับยื่นซองให้ ไม่ใช่ซองขาวหรอก แต่เป็นซองเลื่อนตำแหน่ง ทำงานมา 10 กว่าปี เพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งครั้งที่ 2 เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ

ก็ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ทุ่มเท แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไร พยายามเต็มที่แล้ว แม้จะรู้ว่า ยังห่างไกลจากเพื่อนร่วมรุ่นอยู่

เลื่อนคราวนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเลื่อนอีกครั้งจะอีกนานเมื่อไร แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

วันนี้รู้สึกดี อยากแบ่งปันความสุขให้คนรอบข้างจังเลย

ต้นกวนอิม เจ๊แหม่มให้



Monday, October 23, 2006

ร้อยเรียง เคียงศิลป์ # 13

วันนี้วันหยุดพิเศษ วันปิยมหาราช ตัดสินใจอยู่นานว่าจะออกจากบ้านดีหรือเปล่า ก็ตั้งใจอยู่นะว่าจะไปงาน ร้อยเรียง เคียงศิลป์ จัดที่ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ซึ่งก็จะมีถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว แบบว่าอยากไปดูว่างานเป็นไงบ้าง เห็นมีสอนทำพวกงานฝีมือตั้งหลายอย่าง เผื่อจะทำเป็นอดิเรก หรือ ไปดูเผื่อมี idea อะไรดีดี

ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าจะไป ก็เลยต้องรีบออกจากบ้าน เผื่อเปลี่ยนใจอีก ที่ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี นี่ก็ไม่เคยไปซะด้วย แต่สุดท้ายก็สามารถไปถึงจนได้

หลังจากจัดแจงกับข้าวกลางวันด้วยบะหมี่เจแล้ว ก็เข้าไปในงาน เป็นลานกว้างอยู่ที่ชั้น 5 เขาจะจัดเป็นโต๊ะๆ เต็มไปหมด lunar รู้สึกตื่นตาตื่นใจ เดินดูรอบๆ ไปเรื่อยๆแต่ละโต๊ะ ดูว่า แต่ละโต๊ะทำอะไร หลายๆอย่างก็น่าสนใจ เลยหยุดแวะดูไปพลางๆ (เสียดายไม่ได้เอากล้องไปด้วย เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก)

เดินตั้งแต่โต๊ะแรก ยันโต๊ะสุดท้าย ดูๆ ก็มีน่าสนใจอยู่ 3-4 อย่าง ก็มี เปเปอร์ มาเช่ (Paper Mache) โดยทำเป็นกล่องใส่ของ ลายการ์ตูน เช่น หมีพูห์ โดราเอมอน Toy Story, เทียนแฟนซี (Fancy Candles), ร้อยลูกปัด แล้วก็อีก 2-3 อย่างแต่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร

แต่ละโต๊ะสามารถนั่งเรียนได้ เพียงแต่ต้องซื้ออุปกรณ์เอง น่าสนใจหลายอย่าง เอ..เริ่มจากไรดีน๊า
หลังจาก คิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจเรียน ทำกล่องเปเปอร์ มาเช่แล้วกัน ซื้ออุปกรณ์ 120 บาท เลือกลายหมีพูห์ละกัน

จริงๆ วัสดุ ดูๆไปก็แค่กระดาษแข็งธรรมดา กับ กระดาษลายต่างๆ คนสอนเขาจะบอกให้ทากาว ด้านไหน แล้วก็ติดให้ได้โครงเป็นฝากล่องออกมาก่อน เสร็จแล้วก็ทำแบบเดียวกัน แต่ให้ได้ตัวกล่อง แล้วก็ติดลายเข้าไป จริงๆก็ไม่มีไรมาก เพียงแต่ต้องมีเทคนิคในการติดลาย แล้วก็พยายามทำให้เรียบ อย่าทากาวเยอะเกินไป

ที่ยากที่สุด ก็คือการกรีดให้ฝากล่องกับตัวกล่องแยกจากกัน หลังจากที่ติดลายด้านนอกทับฝากล่องกับตัวกล่อง เพื่อให้เป็นลายที่ต่อเนื่องกัน คือถ้าทากาวเยอะ อันนี้กรีดแล้วเจ๊งกะบ้งเลย คนสอนอ่ะมากรีดให้ lunar ครั้งแรก แล้วกระดาษลอกออกไปเลยอ่ะ ง่ะ มาต่อว่าเราอีกอ่ะ ว่าทากาวเยอะ ก็มือใหม่นี่ค่ะ

หลังจากติดลายเสร็จทั้งนอก ทั้งใน แล้วก็เอากล่องไปทากาว งงเหมือนกันทาทำไม ทั้งๆที่ไม่ได้ติดอะไรเพิ่ม เสร็จแล้วก็เป่าให้แห้ง ทาชะแล็ก แล้วก็มาติดหูหิ้ว ,บานพับ, ตัวล็อค ก็เป็นอันเสร็จสรรพ

นึกว่าจะมีเวลาเหลือ ว่าจะไปเรียนอย่างอื่นอีก แต่เย็นแล้วอ่ะ ไว้โอกาสหน้าละกัน
ไม่น่าเชื่อ กล่องเล็กๆแค่เนี้ย ใช้เวลาตั้งนาน
นี่ไงค่ะ ผลงานของ lunar ดูๆอาจไม่เนี๊ยบเหมือนที่เขาวางขายกัน แต่ก็ภูมิใจนะ จะทำขายได้มั๊ยเนี่ย


Monday, October 16, 2006

ท่อประปาเจ้าปัญหา

ถึงแม้ว่าบ้าน lunar จะโชคดีกว่าอีกหลายๆบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนักในขณะนี้ ทั้งหลายจังหวัดของประเทศ รวมทั้งอ่างทอง บ้านเกิดของป๊าก็ตามที แต่ก็ยังไม่วายประสบปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำอยู่ดี

เมื่อเดือนก่อน เห็นค่าบิลน้ำประปา โอ้โฮ เพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เท่า พร้อมกับหมายเหตุเล็กๆในบิลเขียนว่า น้ำสูง บ้าน lunar เคยเจอบิลแบบนี้มาก่อนแล้ว ตอนนั้น น้ำรั่วที่ชักโครก แต่คราวนี้ไม่ใช่แล้ว

ต้องมาจากที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อลองปิดก๊อกน้ำทุกก๊อกแล้ว มิเตอร์ก็ยังวิ่งอยู่ งั้นแสดงว่าน่าจะเป็นที่ท่อประปา แล้วจะทำไงดีล่ะ ท่อประปาฝังอยู่ใต้พื้น งานนี้งานใหญ่แน่เลย ต้องรื้อพื้นบ้านออกหรือเนี่ย

2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ย ต้องเปิดปิดวาล์วน้ำเป็นช่วงเวลา เฉพาะเช้า-เย็น ชีวิตลำบากขึ้นมานิดนึง แต่ก็ยังถือว่า สบายและโชคดีกว่าอีกหลายๆคนที่กำลังเผชิญปัญหา น้ำท่วม (คิดซะอย่างนี้ ดูดีกว่าเยอะเลย)

เมื่อวันเสาร์ คุณลุงข้างบ้าน คงเห็นว่าพวกเราทำอะไรกันนักกันหนากับวาล์วน้ำ สงสัย เลยมาถามดู คุณลุงก็แนะนำว่า ให้สร้างท่อใหม่บนดินไปเลย ปิดท่อเก่าไปซะ อือม..ก็ดี ไม่คิดมาก่อน แบบนี้ก็ทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องรื้อพื้นบ้านด้วย เอ..ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ทันคิดนะ

ง่ะ แค่มองอีกมุม ปัญหาก็แก้ได้แล้ว ใช้เวลาทำไม่เกิน 2 ชั่วโมง แถมคนที่รับทำ ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ญาติที่รู้จักซะด้วย

วันนี้ อาบน้ำได้สบายแล้ว ไม่ต้องไปปิดวาล์วน้ำแล้วอ่ะ ปัญหามีไว้ให้แก้จริงๆ

Monday, October 09, 2006

253

253
lunar ไม่ได้ใบ้หวยหรอกนะ แต่เป็นตัวเลขที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้

ก็ผลการตรวจคลอเลสเตอรอลเนี่ยซิ ทำเอา ช็อคซีเนม่า ไปเลยอ่ะค่ะ ก็เมื่อปีที่แล้วยัง 211 ปีก่อนหน้าโน้น 241 ปีนี้หวังเป็นอย่างมากว่าจะน้อยกว่า 200 ก็เพราะว่า lunar ระดมกินกระเทียม ทั้งกระเทียมอัดเม็ด กระเทียมสด แต่ไหง ไม่ได้ช่วยไรเลยอ่ะ

คุณหมอบอกว่า ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายใช่มั๊ย อิอิ จริงๆแล้ว ไม่ใช่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แต่ ไม่ได้ออกกำลังกายเลย แย่จัง คุณหมอแนะว่า ให้เดินเร็วๆสักวันละ 20 นาที แต่ขอให้ทำเป็นประจำ อือม.. จะเดินตอนไหนดีนะ

เครียดจัง พยายามไม่กินปลาหมึก, หนังไก่, ไข่แดง สารพัดที่ทำให้คลอเลสเตอรอลสูงแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ได้ช่วย สงสัยต้องหาวิธีใหม่ ต้องออกกำลังกาย อย่างที่คุณหมอแนะนำ

อือม.. ก็ยังดี preventive ก่อน correct มีสัญญาณเตือนมาบอกแล้ว
ปีหน้าก่อนเถอะ..

Friday, October 06, 2006

Hong Kong : PCCW

เช้านี้ ออกจากโรงแรมแต่เช้า 7 โมงกว่าๆ check-out กันไปเลย พยายามเรียกแท็กซี่ไปที่บริษัท PCCW แต่เรียกตั้งหลายคัน ไม่ยอมไป ไม่รู้ว่าทำไม

สุดท้ายก็ไปถึงจนได้ แท็กซี่ที่นี่คิดค่าบริการเพิ่มอีกหลายสิบเหรียญนอกเหนือจากค่ามิเตอร์ เช้านี้เสียค่าแท็กซี่ไป 164 เหรียญ คิดกันว่าที่แท็กซี่หลายคันไม่ยอมมา เป็นเพราะข้ามฝั่งมาที่เกาลูน เสียค่าธรรมเนียมข้ามฝั่ง หรือ ค่าทางด่วน (ไม่แน่ใจ) แต่ขากลับเนี่ย แท็กซี่อาจต้องจ่ายเอง ก็เลยไม่มีใครอยากมา

พวกเรามาถึงก่อนเวลาประมาณชั่วโมงเศษ นัดกับเจ้าหน้าที่ไว้ประมาณ 10 โมง ก็เลยไปหาข้าวเช้ากินกัน เดินแถวๆนั้น เมียงมองหาข้าวเช้า สุดท้ายมาเจอร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง

คนเยอะ สูบบุหรี่เยอะมาก อาหารเช้าวันนี้ไม่ work เลย คือไม่มีรูป มีแต่ภาษาจีน สุดท้ายก็กินบะหมี่หมู แต่ว่า.. เส้นเหมือนมาม่า เลยอ่ะ พอลองกินถึงได้รู้ว่า ใช่เลย มาม่า Oh! MyGod อุตสาห์มาฮ่องกง มากินมาม่าหรือเนี่ย

พวกพี่ๆแวะ shopping เล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่ซื้อให้ลูกๆกันทั้งนั้น lunar ก็เลยซื้อให้น้องปอนด์ซะหน่อย เดี๋ยวไม่มีของฝาก เป็นวงแหวนสะท้อนแสง เคยเห็นว่าชอบเล่น ก็ ok น่ะ ดีกว่าไม่มีของฝาก



กลับไปที่ PCCW พอถึงเวลา ก็มีเจ้าหน้าที่มารับ (หล่อซะด้วยนะ) หลังจากแนะนำตัวกันแล้ว ก็พาไปที่ e-center ของที่นี่

อือม.. สถานที่ทำงานของที่นี่ เยี่ยมจริงๆ ดูหรูหรา ไฮเทคจริงอ่ะ แบบว่า ไม่ต้องใช้คนเยอะ ใช้เทคโนโลยีควบคุมทั้งนั้น เมื่อไรที่ทำงานเราจะเป็นอย่างนี้บ้างน๊า

ช่วงเช้าจะมีบรรยาย เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของ PCCW แล้วก็ e-center การเข้าไปในห้องนี้ จะมีการลงชื่อแต่ใช้เป็นการเซ็นต์ด้วย digital board ดูไฮ มากอ่ะ

ช่วงเช้า lunar ขอสารภาพ นั่งหลับๆตื่นๆ แบบว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ทั้งๆที่ควรจะหลับสนิท แต่ทำไมก็ไม่รู้ ทำให้เช้านี้ จับอะไรไม่ค่อยได้มาก แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะจุดประสงค์จริงๆที่มาดูงานคราวนี้ อยู่ที่หลังเที่ยงมากกว่า

ข้าวกลางวัน ทาง PCCW พาไปเลี้ยงอาหารจีน ไชโย ในที่สุดก็ได้กินอาหารดีๆมื้อหนึ่งแล้ว มีระดับผู้บริหารชั้นสูงไปกินกันหลายคนด้วยนะเนี่ย อือม..รู้สึกเกร็งๆเหมือนกัน ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้คุยหรอก ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันไปแล้วกัน

อิอิ ได้กินติ่มซำที่อยากกินด้วย มาฮ่องกงรอบ 2 แล้ว เกือบจะไม่ได้กินอีกแน่ะ อิ่มจัง
และแล้ว ก็มาถึงภาคบ่าย งานนี้ lunar ต้องตั้งใจมากๆอ่ะ มีคำถามเป็น 10 เลยอ่ะที่ต้องถาม แต่ดูๆเหมือนทาง PCCW จะไม่ค่อยอยากตอบ เขาเคย present ให้ทางเราฟังมา 2 ครั้งแล้วมั้ง อีกอย่าง เขาคงเห็นว่า พวกเราคงไม่ได้ซื้อแน่เลย เอาทีม development มาด้วยอีกต่างหาก

จบจาก session นี้ ก็ 5 โมงกว่าแล้วอ่ะ ต้องรีบไปล่ะ ลาก่อนนะ วันนี้วันไหว้พระจันทร์ซะด้วย นี่ถ้าอยู่ต่ออีกสักคืน จะได้อยู่เที่ยวงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ซะกะหน่อย

สะพานยาวที่สุด
นั่งแท็กซี่มาที่สนามบิน หวังว่ารถคงไม่ติดนะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หมดค่าแท็กซี่ไป 260$ มาถึงสนามบิน 6 โมงกว่าๆ เหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชั่วโมง ทำไรดีล่ะ ถ้าไม่ shopping

เหล็กไหล ของตกแต่งภายในสนามบิน
ซื้อขนมไหว้พระจันทร์ แบบว่าอยากลองอ่ะ ขนมไหว้พระจันทร์ฮ่องกง ราคา 68$ มี 6 ชิ้น แต่หลายคนบอกว่า ที่เมืองไทยอร่อยกว่า lunar ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่ไม่เป็นไร เป็นของฝากที่บ้านละกัน

bye bye Hong Kong ไม่เคยคิดว่าจะมาฮ่องกง แต่ไหงไปๆมาๆ มาเป็นครั้งที่สองซะแล้ว ถ้ามีโอกาส คราวหน้าอยากมาแบบเที่ยวจริงๆจังๆ ไอ้แบบเที่ยวแอบแฝงเนี่ย มันไม่ค่อย work เลยอ่ะค่ะ

Thursday, October 05, 2006

Hong Kong : Peak Tower


เช้าวันนี้ lunar ตื่นแต่เช้า เช้าจริงๆ ตี 3 เพราะจะไปขึ้นเครื่องบิน ไปฮ่องกงอ่ะ ไปดูงานระบบ DWFM ของบริษัท PCCW คราวนี้ได้ไปใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ลองของใหม่เลยนะเนี่ย

ปรากฏว่าผิดคาด ไปถึงประมาณตี 4 ครึ่งเท่านั้นเอง นั่งรถแค่ชั่วโมงเดียว ขึ้นทางด่วนแล้วก็ต่อมอเตอร์เวย์ OK อ่ะ ไปไม่ลำบาก แต่ต้องดูดีๆ เกือบลงผิดเหมือนกันนะ แปลกดี ป้ายบอกทางเนี่ย ทำไมไม่ติดช่วงที่เป็นทางแยก แต่ตรงทางที่ไม่แยก มีทางเดียว ดันติดเยอะแยะไปหมด

ไปนั่งรอสมาชิกอีก 5 คน นัดกัน 6 โมง เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงครึ่ง เดินดูสนามบินรอบๆก่อนดีกว่า

สนามบินใหญ่มากจริงๆ แต่.. ทำไมที่นั่งมีนิดเดียวเองอ่ะ เดินวน 2 รอบแล้ว นั่งรอดีกว่า

หลังจากรอจนครบทั้ง 5 คนแล้ว ก็ check-in กันละ lunar เอากระเป๋าใบเล็กไป เพราะไปแค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็กลับละ ก็เลยคิดว่า ไม่โหลดละกันเพราะได้ยินข่าวมาว่า ผู้โดยสารต้องรอกระเป๋านาน

ระหว่างรอตรวจ passport อ๊ะอะ เจอ อนันดา อ่ะ ดูเซอร์จัง หน้าตาเฉยมากเลย ไม่รับรู้ไร ว่าจะถ่ายรูปซะหน่อย แต่ไม่ดีกว่า

ทางเดินไปขึ้นเครื่อง ยาวมากเลยค่ะ จะถ่ายรูป ก็ไม่ได้ถ่าย เพราะต้องลากกระเป๋าไปมา มานึกอีกที เอ.. เราไปเอากระเป๋าที่ฮ่องกงนี่นา น่าจะโหลดไปนะ บ้าจริง มานึกได้ตอนนี้

ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ

Hong Kong
ไปฮ่องกงคราวนี้ ไม่มีใครมารับ ต้องเดินทางไปโรงแรมกันเอง ตกลงกันตั้งนานว่าจะไปยังไงดี จะนั่ง taxi หรือจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน หลังจากบวกลบคูณหารกันแล้ว ก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MTR ละกัน

ค่าโดยสาร 70 เหรียญ วิ่งจากสนามบิน ปลายทางที่สถานี Hong Kong แล้วจึงต่อไปที่สถานี Tin Hau โรงแรมที่พักชื่อ Metro Park ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ก็ดีเหมือนกัน เพราะต้องลากกระเป๋าไปกันเอง

คนที่นี่ เวลาเขาเดินทาง เขาจะพยายามชิดขวา อย่างเช่น เวลาขึ้นลงบันไดเลื่อน lunar ก็มักจะเผลอ ยืนชิดซ้ายบ้าง ขวาบ้าง พอรู้ตัว ก็ โอ๊ะโอ ยืนไม่เหมือนชาวบ้านเขา โก๊ะจริงๆ อย่างนี้เขาก็รู้ซิว่าไม่ใช่คนแถวนี้

หลังจาก check-in กันเสร็จ ก็นัดกันว่ามีเวลาครึ่งวัน จะไป Peak กัน ก็นะ สัญลักษณ์ของฮ่องกง ใครยังไม่เคยไปก็น่าจะไป ส่วน lunar ก็เฉยๆ ก็เคยไปมาแล้วนี่นา



นั่งรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี Admiralty เดินหากันไปกันมา เดินสักประมาณ 20 นาทีแล้วที่สุดก็เจอแล้ว The Peak Tram อือม.. คราวนี้หาไม่ยากแหะ ไม่เหมือนคราวที่แล้ว กว่าจะหาเจอแทบแย่

lunar ก็แนะนำว่า ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวดีกว่า ราคา 22 เหรียญ ขากลับนั่งรถบัส จะได้ดูวิวรอบข้างด้วย

มีเจ้าหน้าที่เห็น lunar รีบปรี่เข้ามาขายตั๋วรวมด้วยภาษาจีนคือ นั่งรถรางกับดูพิพิธภัณฑ์มาดามทุซโซ เห็นราคาประมาณ ร้อยกว่าเหรียญ แหะแหะ ไม่เอาดีกว่า ไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้น แสดงว่าเพิ่งเปิดไม่นาน เมื่อต้นปียังไม่เห็นนี่นา
เห็นรูปปั้นเฉินหลง ไว้โฆษณาพิพิธภัณฑ์มาดามทุซโซ ดูไกลๆเหมือนตัวจริง ถ่ายรูปซะหน่อย ไว้ไปหลอกคนที่ทำงานว่าเจอตัวจริงมาแล้ว อิอิ

Peak Tram & Peak Gallery
นั่ง tram คนอื่นๆตื่นเต้นกันใหญ่ ตอนที่ชันมากๆ ส่วน lunar ก็นะ เคยนั่งแล้วนิเลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร


มาวันนี้ Tram Tower ซ่อมเสร็จแล้ว ถ่ายรูปออกมาดูดีหน่อย ไปเดินในตึกหาข้าวกลางวันกินกัน (ทั้งๆที่เป็นเวลาเย็นๆแล้วละ) พี่ๆเขาไม่อยากเสียเวลามาก อยากหาเบอร์เกอร์กิน lunar ไม่อยากกินเลยอ่ะ อุตสาห์มาฮ่องกงแล้วนา ยังจะมากินเบอร์เกอร์อีก สุดท้ายก็ต้องกินอ่ะ แต่ไปกินที่ตึก Peak Gallery

ออกจาก Peak Gallery ก็ต้องไปถ่ายรูปสถานที่ไฮไลท์ของ Peak จุดชมวิวที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป ม่ายงั้นถือว่ามาไม่ถึงอ่ะ วันนี้อากาศไม่หนาว เย็นสบาย ถ่ายรูปไม่ลำบากมากนัก คนไม่เยอะด้วย คราวนี้เห็นมีรูปวาดมาวางขายด้วย

ขากลับ นั่งรสบัส สาย 15B ราคา 9.2 เหรียญ รถบัส 2 ชั้น นั่งชั้นบนตรงด้านหน้า นอกจากจะได้ชมวิวแล้ว ยังได้บรรยากาศเหมือนนั่งเครื่องเล่นในดิสนีย์แลนด์ด้วย ก็เวลารถเลี้ยวซ้าย-ขวาแต่ละที ยิ่งกว่าตอนไปปายอีก

กลับมาข้างล่าง รถติดง่ะ แต่ติดยังไงก็ยังไม่เหมือนที่กรุงเทพ พวกเรานั่ง MTR ข้ามไปฝั่งเกาลูน Tsim Sha Tsui รถไฟฟ้าใต้ดินที่นี่เขาวิ่งผ่านระหว่างเกาะกันเลยทีเดียว

ตอนแรกไม่รู้ว่าพี่เขาจะพามาทำไม เห็นมีป้ายบอกว่า Star Ferry พี่ตั้มแซวว่า ท่าเรือเหรอ ไปดูที่ท่าพระจันทร์แล้วกัน

เดินไปถึงท่าเรือ อ้อ ที่แท้ก็ไฮไลท์อีกแห่งของฮ่องกง มองจากฝั่งเกาลูนเห็นตึกสูงๆเต็มไปหมด กลางคืนเปิดไฟสวยดี บรรยากาศสวยดีจริงๆ อากาศไม่หนาว เดินเล่นสบายๆ บอกพี่ตั้มว่า เอ..เห็นทีจะไม่เหมือนท่าพระจันทร์แล้วนา

A Symphony of Lights
พวกเรารอจนถึง 2 ทุ่ม เพราะได้ยินประกาศว่าจะมีการแสดงดนตรีประกอบแสงเลเซอร์ (Symphony of Lights) พอถึงเวลา แต่ละตึกก็จะเล่นแสงให้พยายามเข้ากับดนตรี บางตึกก็มียิงเลเซอร์ ดูละลานตาไปหมด การแสดงมีประมาณ 15 นาที
จบจากการแสดง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ Mong Kok สถานที่ shopping ของแบรนด์เนมดังๆ แต่มาช่วงนี้ ไม่มีการ sale ก็เลยกะว่าจะมาเดินเอาบรรยากาศ

มื้อเย็น ไปกินบะหมี่เกี๊ยว ร้านใกล้ๆกับร้านสีฟ้า ชามใหญ่มากเลยอ่ะ แต่เกี๊ยวกุ้งก็มีกุ้งตัวใหญ่ๆ lunar กินไม่หมดชาม ไม่น่าเชื่อ อยู่เมืองไทยกินบะหมี่ 2 ชาม อยู่ที่โน่น ชามเดียวกินไม่หมด




เสร็จจากอาหารเย็น เดินเที่ยวเล่น ก็ไปเจอร้านขายขนม ของฝาก พวกเราก็จัดแจงซื้อกันใหญ่เลย ทั้งบ๊วย chocolate etc แบบว่า ไม่มีเวลาแล้ว ก็ต้องซื้อของฝากกันละ lunar ก็หุ้นกับหัวหน้าอีก 2 ซื้อรวมกันเลยแล้วกัน หมดไป 324 เหรียญ โอ๊ะโอ 1600 บาท

หลังจากตัวเบากันไปยกที่หนึ่งแล้ว พวกเราก็ออกเดินเล่นบริเวณนั้น คนเยอะจริงๆ เยอะกว่าแถวสยามบ้านเราประมาณ 3-4 เท่า นี่ขนาด 4 ทุ่มกว่าๆแล้วนะเนี่ย

แต่ละคนหมดแรงเดินกันแล้ว ก็เลยกลับโรงแรมกัน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ทำงานทำการจริงๆจังๆ เฮ้อ หมดเวลาเที่ยวแล้ว