Monday, January 30, 2006

ตรุษจีน - ปีจอ

ตรุษจีนปีนี้ บริษัทปิด 2 วันให้พนักงานได้พักผ่อน วันนี้ไปเดินเยาวราชดีกว่า ได้ข่าวว่าปีนี้จัดฉลองใหญ่ เนื่องในครบรอบ 60 ปีการครองราชย์ของในหลวงของพวกเรา

รูปปั้นเทพเจ้าจีน

ตอนแรกนึกว่า วันนี้คนจะน้อย แต่ปรากฏว่าคนก็ยังเยอะเหมือนเดิม ไปถึงเยาวราช เห็นปิดถนน มีตำรวจมายืนออ เรียงรายตามทาง แสดงว่าจะต้องมีใครเสด็จแน่เลย สอบถามคนแถวนั้น ปรากฏว่า องค์โสม จะเสด็จ

ยิ่งนาน คนยิ่งเยอะ หาโอกาสถ่ายรูปตอนถนนว่างๆของเยาวราชแบบนี้หาได้ยากเหมือนกัน


ถนนเยาวราชขณะรอรับเสด็จ

แวะกินกาแฟเอี๊ยะแซ วันนี้ขึ้นราคาแล้วด้วย


เจอของเล่น,ของที่ระลึกชุดนี้ เห็นว่าน่ารักดี เลยเอารูปมาฝาก

ปีนี้ปีหมา ปีเกิดของเรา อยากซื้ออะไรที่เป็นสัญลักษณ์รูปหมาแล้วก็เป็นศิริมงคล ได้เจ้านี่มา ราคา 80 บาท ต่อรองไม่ได้ซะด้วย มีความหมายว่า คาบเงินมาให้เรา

ตรงบริเวณวงเวียนโอเดียน ปีนี้จัดแบบมีรูปปั้นหมารายรอบ มีทั้งรูปปั้นคุณทองแดงและบรรดาลูกๆ รูปปั้นคุณวาเป็กซ์ และอีกหลากหลาย
คุณทองแดงและเหล่าบรรดาลูกๆ

Sunday, January 22, 2006

HongKong - ไจ้เจี้ยน ฮ่องกง-เซิ่นเจิ้น

เช้านี้พวกเรามี plan ว่าจะออกไปเดินใกล้ๆที่พัก ดูวิถีชีวิตของชาวฮ่องกง แล้วกลับมา check-out ออก แต่ฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วไป Mong Kok คงไม่ได้ไปไหนไกล ต้องไปสนามบินไม่เกิน 6 โมงเย็น

ใกล้ๆที่พัก มีวัดจีนแห่งหนึ่ง แต่เช้าๆแบบนี้ ไม่ค่อยมีคน มีคนสูบบุหรี่อยู่ข้างหน้าวัดจำนวนหนึ่ง บรรยากาศเสียหมด แทนที่จะได้สูดอากาศดีๆเสียนี่


หน้าวัด

ภายในวัด

เดินมาเจอตลาดสด ได้เห็นผู้คน บรรยากาศการขายของ เห็นอาม่า, อาแปะทั้งหลาย นี่แหละ life จริงๆ เห็นผลไม้อย่างหนึ่งแปลกดี สีเหลืองๆหน้าเหมือนลูกหมู, ลูกหนู เดาว่าเป็นน้ำเต้า
ร้านขายอาหารแห้ง

ตลาดสดยามเช้า

ไก่แขวนขายเป็นตัวๆ

บรรยากาศตลาดสด

น้ำเต้า

ลุงคนนี้กำลังประชาสัมพันธ์อะไรสักอย่าง

อ้ออีกอย่างเห็นเป๋าฮื้อแห้งด้วย เห็นตัวเลข 400 ไม่รู้ว่าต่ออะไร กิโลหรือปอนด์
เป๋าฮื้อแห้ง

ไปเจอตลาดขายหยก (Jade Market) ดูอย่างเดียว ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่มีความรู้เรื่องหยกเลยอ่ะ
Jade Market

เกือบเที่ยงล่ะ กลับไป check out ที่โรงแรม สอบถามกับพนักงานเรื่องระยะทาง, ระยะเวลาจากที่นี่ไปสนามบิน ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที พนักงานถามว่าจะใช้บริการรถของโรงแรมมั๊ย เพราะของเยอะ แท็กซี่อาจจะไม่ไป ค่าบริการ 300 HK (1500 บาทแน่ะ) เอ้าเป็นอันตกลง พวกเราจะกลับมาที่โรงแรมไม่เกิน 4 โมง 45 ละกัน

หาข้าวกลางวันกินกันก่อน คุยกับเอ๋ว่าจะลองกินบะหมี่ชื่อร้าน Eat Together มั๊ย เห็นมีหลายสาขา เหมือนชายสี่หมี่เกี๊ยวบ้านเรา เห็นชื่อร้านนี้ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวานตอนหาโรงแรมอยู่ คิดว่าน่าจะ OK นะ

ตกลงก็ลองไปกินกัน ดูเหมือนพี่พีจะไม่ค่อยประทับใจ แต่ราคาก็ OK นะไม่แพง แต่สั่งยากหน่อย ไม่มีเมนูภาษาไทยเหมือนเมื่อวาน (แต่เพราะเจ้าเมนูไทยนี่ด้วยหรือเปล่า ราคาถึงได้แพงขนาดนั้น) ตบท้ายด้วยกาแฟสักแก้ว อยากลองดูว่าอร่อยมั๊ย มื้อนี้จ่ายไป 69 HK

เสร็จสรรพ Let’s Go ไป Mong Kok ที่นี่เห็นว่ามีร้านขายของ brand name ดังๆอย่าง bossini, U2 แต่ไม่ได้ตังค์จากเราเลยแฮะ

เดินวนอยู่แถวนั้นจนไม่รู้ว่าจะไปไหนแล้ว รอเวลากลับเท่านั้น ยืนๆอยู่ที่ริมฟุตบาท สังเกตุทางม้าลายตรงสถานีรถไฟฟ้า Mong Kok เห็นคนจำนวนมาก มากจริงๆ หรือว่าเป็นเพราะวันอาทิตย์ หรือใกล้ตรุษจีนก็ได้ กำลังรอข้ามถนนอยู่ พอได้สัญญาณไฟเขียวคนข้าม โอ้โฮ ไม่น่าเชื่อว่าภาพที่เห็นเนี่ยคือคนข้ามถนน นึกว่าเดินปรกติซื้อของซะอีก ก็คนมันเยอะมากจริงๆ

ฝูงชนกำลังข้ามถนน

ใกล้เวลาแล้ว กลับดีกว่า ก่อนถึงโรงแรม พวกเราเดินมาอีกทาง ข้างหลังวัดที่เมื่อเช้ามา เห็นด้านหลังวัดสวยงามจัง กำแพงเป็นรูปมังกร มีสะพานเล็กๆ ก็เลยถ่ายรูปกันซะหน่อย เป็นช๊อตสุดท้ายก่อนกลับ
หลังวัด

มาถึงที่โรงแรม 4 โมงครึ่ง คนขับยังไม่มา เจ้าหน้าที่บอกว่ารถติด กลัวลูกค้าหงุดหงิด ชวนคุยใหญ่เลยประมาณว่าเคยมาเมืองไทย ไรทำนองเนี้ย แต่สุดท้ายรอจนประมาณ 5 โมงกว่าๆ ก็มาจนได้ ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 40 นาทีถึงสนามบิน ก็ประมาณ 6 โมงกว่าๆ

วันนี้เช็คอินใช้เวลาไม่นาน เสร็จสรรพก็ไปหาอะไรกินกันนิดหน่อย เพราะกว่าจะได้กินบนเครื่องสงสัยซัก 3 ทุ่มได้มั้ง เดินๆดู แต่แพงๆทั้งนั้นอ่ะ เห็นมีร้านของหมึกแดงด้วย

สุดท้ายกินไก่ร้าน pop-up แล้วกัน ซื้อมา 1 ชุด ราคา 39 HK กินด้วยกัน 3 คนนั่นแหละ
มีเวลานิดหน่อย พี่พีเดินไป shopping แต่ไม่รู้ซื้อไรได้บ้างอ่ะเปล่า

บนเครื่อง นึกว่าจะได้งีบหลับซักกะหน่อย แต่การบินไทย เหมือนเดิมเลย กว่าจะเสริฟอาหารได้ ก็หลังจากบินไปได้ซักชั่วโมงแล้ว กว่าจะกินเสร็จ กว่าจะเก็บ ก็เกือบถึงเมืองไทยแล้ว ไม่ประทับใจกับการบินไทยจริงๆ

ไจ้เจี้ยน ฮ่องกง เซิ่นเจิ้น - Come back to Thailand

Saturday, January 21, 2006

HongKong - ตามหา TRAM

เช้านี้อำลา ZenChen แล้วอากาศหนาวกว่าเมื่อวานอีกแนะ เอาเสื้อหนาวที่ซื้อมาใส่เลยดีกว่า

นัดกับคนขับรถ 8 โมงกว่าๆ แต่ร๊อรออยู่เกือบ 9 โมงแล้วทำไมยังไม่เห็นอีกแน่ะ พี่พีเลยไปโทรถาม Zinnia

ช่วงที่พี่พีไปโทรศัพท์ ก็เจอคนขับรถพอดี ไม่ใช่ Mr.ซิ่งแฮะ เขาบอกว่าไปจอดอยู่ที่อื่น มาตั้งแต่ 8 โมงแล้ว คลาดกันจนได้

มีคนข้ามประเทศกันเยอะมาก รถติดกันยาว รอการตรวจคนเข้าเมืองเนี่ยแหละ ขาออกจากจีนไม่ค่อยมีไร แต่ขาเข้าฮ่องกง ค่อนข้างเข้มงวด มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย กลัวเป็นหวัดนกมั้ง

คนขับรถที่นี่ใจร้อน หรือว่าเครียดกันแน่ รถที่เรานั่งอยู่นั้น ตาคนขับให้รถอีก 2 คันแซงหน้าไปก่อน เห็นว่าเป็น Huawei แต่รถคันหลังๆเนี่ยซิ ไม่พอใจ ลงกันมา 3 คน ประมาณว่า คนที่หนึ่งลง คนที่สอง สาม ตามลงมากันเป็นแถว มาถึงก็ชี้หน้าด่าๆๆๆๆ (ฟังไม่ออก) ท่าทางเหมือนจะเอาเรื่อง ฉันรีบบอกเอ๋ รีบล๊อครถเร็วเข้า คุยกันในรถว่า พวกเราไม่เกี่ยวด้วยน๊า

พอผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ค่อยยังชั่ว ติดแหงกตรงนี้เป็นชั่วโมง รถวิ่งข้ามมาฮ่องกง ตรงมาโรงแรมชื่อ Dorsett Seaview Hotel อยู่ใจกลางเมืองเลยล่ะ


Dorsett Seaview Hotel

โรงแรมเล็กมากๆ Lobby เล็กๆมีคนเตรียมเช็คอินเช็คเอ้าท์อยู่หลายคน แต่ห้องพวกเรายังไม่เสร็จ พวกเราเช็คอินแล้วแต่กระเป๋าฝากไว้ก่อน ออกเที่ยวเลยล่ะกัน ตอนมืดค่อยเข้าโรงแรม

ที่นี่อากาศหนาวอ่ะ หนาวกว่า ZenChen อีก โชคดีจังซื้อเสื้อกันหนาวพอดีแถมซักเรียบร้อยแล้วด้วยอิอิ

ฮ่องกง ต้นตำรับตึกสูงๆ มองไปที่ไหนตึกสูงๆทั้งน้าน แต่รถเมล์เขาเดิ้นนะ มี 2 ชั้น มีโทรทัศน์ด้วย เบาะต่างๆดูสะอาด ไม่มีกระเป๋ารถเมล์ ขึ้นไปก็หยอดเหรียญ ไม่มีการทอนเงิน หยอดเกินได้แต่ห้ามขาด

พี่พีจะพาไป Stanley Plaza เป็นสถานที่ขายของเน้นของที่ระลึก เช่น ภาพวาดด้วยภู่กันจีน, ตัวหนังสือจีน, ภายถ่าย Hong Kong สมัยแรกเริ่ม, Magnet, Post Card, พวงกุญแจ อะไรทำนองเนี้ย

ต้องนั่งรถไฟฟ้าแล้วไปต่อด้วยรถเมล์ ก่อนที่จะขึ้นรถเมล์ พวกเราก็แวะกินข้าวเที่ยงกันก่อน เป็นเหมือนร้านอาหารญี่ปุ่น ราคา 76 HK

รถเมล์ฮ่องกง

นั่งรถเมล์ พวกเราไปนั่งที่ชั้น 2 ไปจนสุดสถานี รถเมล์วิ่งออกนอกเมือง ก็ดีได้ชมบรรยากาศรอบๆเมืองไปในตัว เห็นกระเช้าอยู่ไกลๆ

รถวิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เห็นมีบ้านคนประปราย คนที่อยู่แถวนี้ได้คงมีกะตังค์
Stanley Plaza

ไปถึง Stanley Plaza สวยดีอ่ะ เดินๆดูๆ ถ่ายรูปไปด้วย แต่บางร้านติดป้ายไม่ให้ถ่ายรูป แต่ก็แอบถ่ายมาได้หลายรูปอยู่

Postcard & Magnet

ตัวหนังสือจีน

ฉันซื้อ postcard มา 2 ใบใบละ 2 HK และก็ซื้อ Magnet ใส่กรอบ ราคา 20 HK มาด้วย แต่ตอนหลังมาเห็นที่ใส่ปากกา สวยกว่าอ่ะ เอ๋ซื้อมา 20 HK เท่ากัน สุดท้ายก็ขอแลกกับเอ๋ อิอิ

อยู่ที่นี่ได้สักพักก็นั่งรถเมล์กลับมาที่เดิม พี่พีจะพาไป Victoria Peak เห็นว่าเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเกาะฮ่องกงได้ทั้งเกาะ

พวกเราขึ้นบันไดเลื่อน ขึ้นไปเรื่อยๆเลยอ่ะ แวะถ่ายรูปเป็นระยะ ช่วงที่วิวสวยๆ เห็นมีตึกหนึ่งเป็นสถานีตำรวจ ตึกสวยมาก มารู้ตอนหลังว่า บันไดเลื่อนนี้ยาวที่สุดในโลกด้วยนาประมาณ 800 เมตร
แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นบันไดเลื่อนรวดเดียว 800 เมตรนะ เป็นช่วงๆ บางช่วงเป็นทางเดิน แต่ก็เหมือนต่อกันยาว

ออกมาจนสุดบันไดเลื่อน เห็นผู้ชาย 2 คนยืนอยู่ ตอนแรกนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ดูอีกที ไม่ใช่แฮะ เหมือนเป็นพนักงานบริษัทเอกชนซักแห่ง ก็เลยสอบถามทางไปขึ้นรถราง (Tram) เพื่อไป Peak เอ๋เสนอว่า เรียกแท็กซี่ดีมั๊ย จะได้ไม่เสียเวลา แต่พี่พีลองสอบถามคนแถวนั้นแล้วว่า ให้ลองเดินไป

เดินอ้อมไปก็อ้อมมา เจอใครก็ถามเขาไปเรื่อยๆ ผ่านตึกต่างๆ สวนสาธารณะ โบสถ์ โรงเรียน แต่ไม่ถึง Tram ซักกะที
สุดท้ายเจอฝรั่งกับ(ดูเหมือน)สาวไทย สอบถามทางถึงได้รู้ว่า ใกล้จะถึงแล้ว ให้เดินอีกนิด (แต่พีพี่เกือบพาหลงอีกล่ะ ดีนะที่เรากะเอ๋ยืนฟังอยู่ด้วย)
สุดท้ายก็มาถึงจนได้ เมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย มาที่สถานีเพื่อขึ้นรถราง คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ต้องเข้าคิวต่อแถวกันยาวเหมือนกัน


ต่อแถวรอขึ้น Tram

ค่าบริการเที่ยวเดียวคนละ 20 HK ถ้าไปกลับก็ 30 HK ตกลงกันว่าไปเที่ยวเดียวก็แล้วกัน
ตอนรถรางวิ่งขึ้นไปเนี่ย บางช่วงชันมากๆ มีการค้างบางจุดให้นักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพด้วย นั่งไม่ถึง 10 นาทีมั้งก็ถึงล่ะ

อากาศหนาวจริงๆ ลมพัดมาเย็นยะเยือก เสียดายตอนไปเนี่ย สัญลักษณ์ของ Victory Peak กำลังซ่อมแซมเลยถ่ายรูปออกมาไม่สวยแฮะ

สัญลักษณ์ Victoria Peak


เดินมาอีกหน่อย ก็จะเป็นจุดชมวิวที่ว่า และก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน
Victoria Peak View

ที่นี่เขามีบริการถ่ายรูปแบบมืออาชีพให้ด้วย มี Notebook ตั้งโชว์รูปแบบมีอาชีพ อือม ถ่ายสวยดี แต่ไม่เอาพวกเราจะโชว์ฝีมือกัน
Victoria Peak View

Victoria Peak View

ถ่ายยากเหมือนกัน ลมแรง คนเยอะ ตอนที่ถ่ายเนี่ย โพล้เพล้แล้วล่ะ รอสักพักเริ่มมืด ตึกต่างๆเริ่มเปิดไฟกันล่ะ
ขากลับนั่งรถเมล์กลับ ตอนแรกว่าจะนั่งแท็กซี่ โชคดีหน่อยเดินออกมาจาก Victory Peak แล้วเจอรถเมล์พอดี

ขากลับนี่นั่งรถแล้วมึนๆแฮะ แย่กว่าตอนไปแม่ฮ่องสอนอีกอ่ะ อาจเป็นเพราะนั่งอยู่ชั้น 2 แล้วก็ฝีมือคนขับด้วยละ มึนหัวตึบเลย รถติดด้วย

กลับเข้าเมืองมาอีกครั้ง ว่าจะไป Tsim Sha Tusi เห็นว่าเป็นแหล่งชอปปิ้งอีกแหล่งหนึ่ง ไปขึ้นทีสถานี Hong Kong แล้วก็เดินไปสถานี Central ตรงนี้เดินไปไม่ต้องขึ้นรถ สถานีตรงนี้เป็นชุมทางของรถไฟสายสีเหลือง, ฟ้า, แดงและน้ำเงิน เป็นสถานีที่ใหญ่มาก



นั่งรถไฟฟ้าไปอีก 2 สถานี ก็ถึง ที่นี่คนเยอะมาก แสงสีเพียบ สาวๆที่นี่แต่งตัวเดิ้นน้อยกว่าสาว ZenChen แฮะ แต่เห็นคนแก่มาเดินตามท้องถนนด้วย
มื้อเย็น ว่าจะกินบะหมี่ร้อนๆซักกะหน่อย แก้หนาว ว่าแล้วก็เมียงมองเห็นร้านบะหมี่ เอ้าลองดู
ร้านนี้มีเมนูภาษาไทยด้วย แสดงว่าคนไทยมากินที่นี่เยอะแน่เลย สั่งบะหมี่เกี๊ยวมากิน ราคาชามละ 28 HK = 140 บาท จะบ้าตาย เมืองไทย 25 บาท กลับเมืองไทยจะกินให้ชุ่มเชียว


เมนูภาษาไทย

บะหมี่เกี๊ยวน้ำ140 บาท

เดินเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ซื้อไร ของแพงอ่ะ จะซื้อรองเท้าให้แม่ ร้านริมถนน ราคา 130 HK จะบ้าเหรอ
คิดไปคิดมา นึกออกว่าน่าจะซื้อเชอร์รี่ดีกว่า เห็นมีคนมาขายข้างถนน สอบถามอาม่าได้ความว่า 1 ปอนด์(เขาไม่ได้ชั่งเป็นกิโลเหมือนบ้านเรา) ราคา 30 HK พอๆกับเมืองไทยนะ หรือว่าเราไม่รู้แหล่งซื้อ

กลับโรงแรม เช็คอินดีกว่า คืนนี้ พี่พีนอนกับเอ๋ เรานอนคนเดียว ราคาห้องต่างกัน แต่ไม่รู้เท่าไร
ห้องเล็กมากๆ แต่เอาน่า นอนคนเดียว ห้องพี่พียิ่งเล็กกว่า มี 2 เตียง ห้องก็ไม่มีทางเดินเลย แต่ห้องพี่พีมีตู้เย็น

ออกไปเดินซื้อน้ำ ไว้พรุ่งนี้เช้าต้มมาม่ากิน ซื้อมา 2 ลิตร ขวดละ 10 HK 2 ขวด 15 HK เป็นราคาโปรโมชั่น น้ำที่นี่ราคาแพงเหมือนกันนะ
ขากลับ เห็นข้างทางขายของเหมือนคลองถม มีร้านพวก sex shop ขายหลายร้านเหมือนกันนะ
หลับดีกว่า เหนื่อยทั้งวัน พรุ่งนี้ไม่ตื่นเช้าละ

Friday, January 20, 2006

ShenZhen – ชอปกระจาย เทหมดกระเป๋า

วันสุดท้ายที่ Huawei วันนี้ฝนตกจริงๆด้วยเหมือนที่ Peter บอกเลย กรมอุตุที่นี่แม่นเหมือนกันแหะ อากาศหนาวจริงๆ ยิ่งตอนลมพัด หนาวเย็นยะเยือก เสื้อกันหนาวที่เมื่อวานซื้อก็ดันเอาไปซักซะนี่

วันสุดท้ายไม่ค่อยได้เรียนไรมาก วันนี้เอ๋เอา Notebook ไปด้วย ลองเอาโปรแกรมที่เขียนไปคุยกับอุปกรณ์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ค่อยยังชั่ว ไม่ได้กลับเมืองไทยมือเปล่าแล้ว

ก่อนกินข้าว มี test นิดหน่อย Peter ให้เปิดหนังสือได้แต่ห้ามถามกัน อันนี้อ่านข้อแนะนำหลังจากที่ถามคำตอบจากเอ๋เรียบร้อยแล้วอ่ะ บ้าจริง เดี๋ยวเขาจะว่าเราไม่ซื่อสัตย์เปล่าน๊า

หลังกินข้าวเสร็จ Huawei แจกใบ Certificate (นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้วเรา), เสื้อยืดสีดำ เป็น Mask Opera, แล้วก็ ช้อนส้อมชุดหนึ่ง (แต่แหม Made in Korea เนี่ยซิ)

Zinnia ถามว่าพวกเราต้องการจะไปที่ไหนจะได้ให้คนขับรถไปส่ง schedule คร่าวๆก็คือ ไปซื้อหนังสือแล้วก็เอาของทั้งหมดไปเก็บที่โรงแรมแล้วก็ไป Dongmen (เราต้องเป็นฝ่ายนำเกมแทนพี่พี ม่ายงั้นเดี๋ยวได้แบกของทั้งหมดไปเดิน shopping เหมือนวันแรก)

มาเลือกซื้อหนังสือ ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน เน้น Java กลับไปคงได้เขียนกันเป็นล่ำเป็นสันแน่เลย ซื้อมาประมาณ 8 เล่ม ราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท ที่นี่เขาไม่รับ VISA Card นี่ขนาดร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดนะเนี่ย พี่พีเลยจ่ายเงินฮ่องกงไป

กว่าจะมาถึง Dongmen ก็ประมาณเกือบ 6 โมงเย็นแล้วล่ะ เย็นวันศุกร์รถติดอ่ะ คนที่นี่ขับรถกันไม่ปรานีปราศรัยกันจริงๆ แทรกได้แทรกเอา ไม่ค่อยกดแตรด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะดีนะ คือแบบว่าบางทีรถวิ่งขับมาถึงตัวคนเดินแล้ว คนก็ยังเดินปรกติเหมือนคนที่นี่ไม่ค่อยกลัวรถยังไงก็ไม่รู้ เห็นลวดลายการขับรถของ Mr.ซิ่งแล้วก็... (Mr.ซิ่งเป็นชื่อที่พวกเราเรียกคนขับรถคนนี้ เขาขับรถได้ซิ่งแต่ถือว่าเก่งมากๆเลยล่ะ ดูดูแล้ว Mr.ซิ่ง เนี่ยเหมือนพี่ชายมากเลยล่ะ ว่าแล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้ให้พี่ชายดูดีกว่า)

พี่พีถอยนาฬิกามาได้อีกเรือน ช่วงที่พี่พีดูนาฬิกาอยู่ พอดีเห็นเสื้อ Giodano วางขายอยู่ เข้าไปสอบถาม ได้ตัวละ 20 หยวน ก็ประมาณ 100 บาท OK น่ะ ซื้อเป็นของฝากละกัน ซื้อให้ปะป๊า แล้วก็ซื้อมาอีกตัวกะว่าจะใส่เอง แต่เอ๋นะซิ ซื้อเป็นสิบตัวได้มั้ง เอาไปฝากที่เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน ด้วยละกัน นึกไรไม่ออกแล้ว แต่เสื้อ copy นี่ก็สวยดีนะ เทกันจนหมดกระเป๋าเลยอ่ะ เหลือเงินสำรองค่าตั๋วรถไฟอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง

เย็นนี้กินข้าวร้าน Fan Fan Noodle ร้านเดิม แต่วันนี้คนเยอะแฮะ สงสัยเป็นวันศุกร์ ไม่มีที่นั่งว่างๆ พอมีที่ว่างโต๊ะหนึ่งแต่มีสาวจีนอยู่หนึ่งคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว

พวกเราเข้าไปนั่ง ฉันนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับสาวจีนคนนั้น นั่งซักพักหลังจากสั่งอาหารแล้ว ก็เห็นสาวจีนนั่งกุมท้องอยู่เหมือนปวดท้องยังไงยังงั้น แล้วก็พูดกับเอ๋เป็นภาษาจีนอะไรสักอย่าง

พวกเราก็ไม่เข้าใจ แต่เอ๋ลองเดาว่า สงสัยเขาจะขอทาง จะเดินออกไป แล้วทำไมไม่บอกเราตรงๆอ่ะ แปลกจริง

สั่งอาหารยากอีกล่ะ สื่อสารกันไม่เข้าใจ พูดแต่ภาษาจีนอยู่ได้ พอเราบอกว่าไม่เข้าใจ ดันเขียนภาษาจีนให้เราอ่านอีก จะบ้าหรือไงฟ่ะ

ด้วยความที่สื่อสารไม่เข้าใจกัน ทำให้นึกถึงคนในสมัยก่อน อย่างอาหม้ากับม่ามี๊ ตอนที่มาเมืองไทยใหม่ๆ เมื่อ 60 ปีก่อน คงลำบากน่าดู

วันนี้กินข้าวไม่ work อ่ะ คือสั่งออกมาดันเป็นพวกไก่ผสมผงกระหรี่ ไม่ชอบอ่ะ มันไม่เหมือนในรูปเลย ในรูปเหมือนเป็นข้าวหมูแดง กินเหลือบานเลยอ่ะ หมดค่าข้าวไป 66 หยวน

ตัวเบาขึ้นเยอะ เงินหมดแล้ว หมดจริงๆ ลุ้นอยู่ว่าขอให้กลับถึงโรงแรมก็พอ

Thursday, January 19, 2006

ShenZhen – แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

วันนี้เรียนประมาณครึ่งวันกว่าๆคือประมาณบ่าย 2 ก็เลิกเรียน ตอนเย็น Huawei จะพาไปเลี้ยงข้าว แต่ตอนนี้จะพาไปซื้อหนังสือ

Peter พาเดินมาอีกตึกหนึ่ง ไกลพอสมควร แต่อากาศเย็นดี เดินคุยกันไปเรื่อยๆเลยไม่ค่อยรู้สึกไกล ปรากฏว่า ไม่ค่อยมีหนังสือที่ต้องการ แถมเป็นภาษาจีนทั้งหมด


Huawei Land

ตอนเดินกลับ Peter พาเดินมาดู Testing Room ต้องเปลี่ยนเสื้อกับใส่ที่หุ้มรองเท้าเหมือนวันที่ไปดู showroom เห็น Testing Room แล้วทึ่งจริงๆนะ ถ้าเราเป็นคน Huawei คงภูมิใจนะ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศแถบยุโรป, เอเชียก็ญี่ปุ่น,สิงคโปร์ ที่เป็นบริษัท International มีศูนย์อบรมให้ลูกค้าได้เข้ามาอบรมแต่ ณ วันนี้ จีนก็มีเหมือนกัน เมื่อไรเมืองไทยจะทำได้แบบนี้บ้างจัง

รอ Zinnia จนถึง 6 โมง เธอ busy มากๆเห็นว่าต้องต้อนรับลูกค้าหลายราย
อาหารเย็นวันนั้น ได้กินอาหารจีน (โต๊ะจีน) กินภายใน Huawei น่ะแหล่ะ แต่ดูดีมากนะ เหมือนโรงแรมจัดเลี้ยงให้ลูกค้าโดยเฉพาะ พวกเราได้กระเป๋าคนละใบ เป็นกระเป๋าใส่ Notebook แต่มีล้อลาก ได้ยินว่าประมาณพันกว่าบาท ดูดีมากเลยล่ะ

อาหารเย็นวันนั้น ได้คุยกันหลายเรื่อง ทำให้ได้รู้อะไรอีกหลายอย่าง เป็นต้นว่า
• ทำไมคนจีนถึงกินเนื้อ แปลกใจมากเลยอ่ะ ทั้งที่โรงแรม, ศูนย์อาหาร,ร้านอาหาร แม้แต่อาหารมื้อค่ำวันนี้ก็มีเนื้อ ก็เลยถาม Zinnia กับ Peter (หลังจากแปลเป็นไทยแล้ว)

Lunar : ทำไมคนที่นี่ถึงกินเนื้อ
Peter : อ้าวแล้วทำไมถึงไม่กินล่ะ
Lunar : ก็ที่เมืองไทย คนไทยเชื้อสายจีนเขาไม่กินกัน เขานับถือ เจ้าแม่กวนอิม
Peter : คนที่นี่เขาไม่นับถือศาสนา หลายๆคนไม่มีศาสนา ผมก็ไม่นับถือศาสนาเหมือนกัน
Lunar : ????

Zinnia เคยมาเมืองไทย เธอถามพวกเราว่า ทำไมคนนั่งรถเก๋งส่วนใหญ่ไม่ค่อยล๊อกรถ เธอได้ยินมาว่า คนที่นั่น ไม่มีโจรเพราะเป็นเมืองพุทธ พวกเราบอกเธอว่า เธอคงเข้าใจผิดแน่เลย ฉันว่าคนส่วนใหญ่เวลานั่งรถเก๋งก็ล๊อครถกันนะ

Zinnia เล่าให้ฟังว่า ก่อนนี้เคยมี TOT มาอบรมเหมือนกัน ก่อนกลับมีอยู่คนหนึ่งให้จดหมายรักกับZinnia แต่เธอไม่ได้อ่าน ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องไรเนี่ยเอาไปอ่าน แล้วอีกตานั่นก็ยังโทรมาหาตอนประมาณ ตีหนึ่งอีก ก็เลยแกล้งแซว Zinnia ไปว่า อ้อก็หลังเที่ยงคืนราคาค่าโทรถูกลงครึ่งหนึ่งนี่นา

พี่พี complain เรื่องคนขับรถเมื่อวาน บอกว่าไม่ซีเรียสหรอก แต่บอกให้รับรู้เผื่อจะได้ป้องกันไม่ไปทำกับลูกค้ารายอื่น
Peter บอกว่าพรุ่งนี้ฝนจะตก อากาศจะหนาวลงอีก 2-3 องศา ให้เตรียมเสื้อผ้ามาให้ดีล่ะ

เย็นนี้ไม่ได้ไปไหนไกล กะว่าจะซื้อของฝากให้ที่บ้านกับที่ทำงาน ซื้อแถวๆโรงแรมละกัน เพราะกว่าจะกินข้าวเสร็จก็ 2 ทุ่มครึ่งละ Zinnia ฝากเงินไปให้เพื่อนที่โรงแรมที่เราพักด้วย

ฉันซื้อ Chocolate แล้วก็บ๊วยแบบจีน ก้อนโตๆ คิดว่าราคาถูกแล้วก็กินได้ทุกๆคน ซื้อก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ของฝากกัน เพราะส่วนใหญ่มัวแต่ดูนาฬิกากัน

ก่อนเข้าที่พัก เดินผ่านร้านขายเสื้อหนาว แต่เป็นแบบดูดีมีราคา คุณภาพดี ลดราคา 50% อ้อ ที่นี่เวลาเขาติดป้าย sale จำนวนเท่านั้นเท่านี้กี่เปอร์เซนต์ เนี่ย ความหมายคือ ขายกี่เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ลดกี่เปอร์เซนต์ เช่น ติดป้ายว่า 30% หมายความว่า ราคาขายเหลือ 30% ซึ่งตรงข้ามกับบ้านเรา

วันก่อนพี่พีซื้อไปแล้วตัวหนึ่ง ฉันดูๆแล้วก็น่าสนใจดี คิดว่าซื้อดีๆสักตัว เสื้อกันหนาวที่ใส่เนี่ยก็เก่าแล้ว ตัวที่ดูเนี่ยมีฮูดด้วย แกะฮูดออกได้ด้วย ราคา 100 หยวน ฉันจ่ายเงินฮ่องกงไป เพราะเงินหยวนเหลือนิดเดียว แต่แบงค์ฮ่องกงเนี่ย ร้านนี้เขารู้จักแต่แบงค์ร้อย ฉันให้แบงค์ 50 ไป 2 ใบ ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมเอา ต้องแลกแบงค์ร้อยกับเอ๋ เขาถึงจะยอมรับ ดีเลยพรุ่งนี้จะได้ส่ง Laundry ซักซะเลย

Wednesday, January 18, 2006

ShenZhen – ไท้กุ้ยเล่อ

วันนี้พวกเราได้เงินกันล่ะ คนละ 450 หยวน แต่ต้องเซ็นใบถ่ายเอกสารเงินทั้ง 5 ใบด้วยนา
ตอนไปเอาเงิน พวกเราสอบถามร้านขายหนังสือใน Huawei , Zinnia ชี้มาที่ตึกๆหนึ่งตรงข้าม training center เอาล่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ จะมาซื้อหนังสือกัน

วันนี้พวกเราระดมซื้อ DVD กันยกใหญ่ ซื้อกับอาแป๊ะ 3 คนรวมกัน 100 หยวน ตกแผ่นละ 3 หยวนกว่าๆ ก็ไม่เกิน 20 บาท ถูกสุดๆ

พวกเรากะจะมาซื้อหนังสือ แต่พอเดินเข้าไปในตึกที่ Zinnia บอก เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มี (จริงๆเจ้าหน้าที่ไม่ได้บอก เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เฮ้อ อาศัยสอบถามพนักงานที่เดินไปเดินมา) อ้าวแล้ว Zinnia บอกอะไรพวกเราเนี่ย

2-3 วันที่อยู่ ZenChen ได้ภาษาจีนมาหลายคำ แต่คำที่ใช้บ่อยที่สุดคือ ไท้กุ้ยเล่อ แปลว่า แพงไป นอกจากนี้ก็มี

  • หนีห่าว - สวัสดี
  • ไจ้เจี้ยน – Bye Bye
  • เซี้ย เซี้ย – ขอบคุณ
  • ตั่วเฉ่าเฉียน – เท่าไร
  • ตี้เถี่ย ไจ้หนาหลี่ – สถานีรถไฟอยู่ที่ไหน
เอ๋ ถึงกับเอาคำว่า ไท้กุ้ยเล่อ มาล้อเลียน ทำนองว่า เวลาพูดกับคนจีน เจอหน้าก็ ไท้กุ้ยเล่อ อย่างเดียว คือประมาณว่า พวกเราพูดภาษาเขาได้ถนัดและคล่องที่สุดก็คำนี้แหละ

ก่อนกลับ ถ่ายรูปร่วมกันก่อน แต่ถ่ายแค่หน้าตึกได้เท่านั้น
เย็นวันนี้ พวกเราจะไปที่ Luohu บอกคนขับรถให้ไปส่งที่ Luohu ปรากฏว่าคนขับรถไปส่งที่ Dongmen พวกเราก็บอกว่าที่นี่มัน Dongmen นี่นา (ก็เมื่อวานเพิ่งมาเอง)

มารู้ตอนหลังว่า คนขับรถวันนี้เป็น outsource จากบริษัทข้างนอก ไม่ใช่คน Huawei จริงๆถ้าบอกพวกเราว่า รถติดให้นั่งรถไฟฟ้าไปอีก 2 ป้าย พวกเราก็ OK นะ แต่ไม่น่ามาทำกันยังงี้เลย นึกว่าพวกเราไม่รู้หรือไง

และแล้วพวกเราก็นั่งรถไฟฟ้าจนไปจนสุดสถานี ที่นี่เป็นเขตแดนระหว่างจีนกับฮ่องกง เห็นมีสถานีขนส่ง (รถไฟ) เหมือนหัวลำโพงบ้านเรา และก็มีเส้นทางสำหรับคนที่จะเดินทางไปฮ่องกง
สถานีขนส่ง

เห็น shopping center อยู่แห่งหนึ่ง ที่นี่แหละมั้งที่เขาบอกว่าเหมือน มาบุญครองบ้านเรา คาดว่าคนส่วนใหญ่ที่มา shopping จะมาที่ห้างนี้

ส่วนใหญ่จะขายนาฬิกา มีหลายเกรด หลายราคา แต่เอ๋ดูแล้วไม่ชอบใจ เหมือนกับคนขายไม่จริงใจ บอกให้เอานาฬิกาเกรด A มาให้ดู คนขายดันหยิบแต่ที่ไม่ใช่เกรด A มาให้ดู

พี่พีได้ ปากกาไปหลายด้าม เห็นว่าถูกดี ตกด้ามละ 100 บาท เห็นว่าซื้อไปฝากคนอื่น
แต่ไม่ค่อยชอบ shopping ที่นี่เลย คือคนขายเขาเห็นนักท่องเที่ยวอย่างเราเหมือนหมาป่ามองลูกแกะ เตรียมตระครุบยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่ลงสถานีรถไฟฟ้าแล้วล่ะก็มีคนขายของบางร้าน มารับพวกเราไปที่ร้านของเขาเลยล่ะ แบบว่าเห็นนักท่องเที่ยว เอาใจสุดๆ แต่ก็น่ากลัว ยังไงก็ไม่รู้ เวลาเดินดูของอยู่ พอมองไป ร้านค้าต่างๆ พวกคนขายก็มองมาที่เราเป็นแถว บางคนพอเราเดินผ่านร้าน ก็มาฉุดกระชากเข้าร้าน ไม่ชอบจริงๆ

เย็นวันนั้น ไปกินข้าว ร้านอาหารสไตล์ฮ่องกง กินบะหมี่เหลืองผัด ก็อร่อยดี มื้อนี้หมดไป 93 หยวน

ร้านอาหารที่ LuoHo

ว่าแล้วพวกเราก็จะกลับไป Dongmen อีกครั้ง นั่งรถไฟฟ้าไป 2 สถานี ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่แต่ร้านขายนาฬิกา พีพี่ซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่ง ต่อรองกันนานมากได้ในราคา 130 หยวน คือคนขายของพาไปซื้อที่ชั้นบน สาวจีนคนนี้พูดภาษาอังกฤษ กับจีนแต้จิ๋วได้ เอ๋บอกว่านาฬิกาที่นี่ก็ OK แต่อยากได้ Patek Philippe ที่วันก่อนมาดูมากกว่า แต่สุดท้ายได้นาฬิกามาเรือนหนึ่งแต่ไม่ใช่นาฬิกาที่อยากได้ เฮ้อ เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค ช่วยไม่ได้แฮะ เป็นเราละก็ ไม่สนอ่ะ ถ้าอยากได้ ก็ซื้อ ไม่สน

เรามองหาของฝาก ก็เพิ่งซื้อได้อย่างเดียวเอง แต่มองไปมองมา ก็มีแต่เสื้อผ้าหนาๆอยู่ดี จะซื้อนาฬิกา ก็เพิ่งซื้อให้ปะป๊าไป

ตอนขากลับ ขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายประมาณ 5 ทุ่ม เกือบต้องนั่งแท๊กซี่แล้วซิ กลับถึงโรงแรม 5 ทุ่มครึ่ง เหนื่อยสุดๆ

Tuesday, January 17, 2006

ShenZhen – ทำไมไม่พูดอังกฤษ - ทำไมไม่พูดจีน

วันนี้ Zinnia เอาบัตรกินข้าวกลางวันมาให้คนละ 4 ใบ จะไปเบิกเงิน 450 หยวนแต่ไม่ได้เอา Passport มา แต่ถึงยังไงก็เบิกไม่ได้เพราะวันนี้ office ปิด แย่จัง
แวะร้าน DVD ซื้อ Lord of The Ring ทั้ง 3 ภาค ราคา 25 หยวน

กลางวัน พวกเราไปดู Showroom ของ Huawei มีอีกกลุ่มไปด้วย เหมือนพวกศรีลังกา, บังคลาเทศ ไรทำนองเนี้ย

Showroom เขาทำได้ดีเหมือนกัน มี Product ต่างๆ มีอุปกรณ์ให้ลองเล่นด้วย ที่นี่วิทยากรจะพูดใส่ไมด์ แต่ละคนจะได้รับแจกหูฟัง ก็ดีนะ วิทยากรไม่ต้องตะโกน เสียงก็ไม่ต้องกวนกัน ถ้ามีหลายกลุ่ม แต่ถ้าเดินออกนอกบริเวณคลื่นความถี่ เสียงจะซ่ามากๆ

เรื่องรูปไม่ต้องพูดถึง ถ่ายไม่ได้อยู่แล้ว แต่ดูเหมือนอีกกลุ่มเน้นถ่ายรูปอยู่ได้ เดี๋ยว Heawei จับขังหรอก
นอกจากนี้ก็ไปดูโรงงานผลิตบอร์ดต่าง ดู Product Line, Logistic, Data Center ดูเสร็จก็เลิกเรียนพอดี

เย็นนี้จะไปเดินเที่ยวที่ Dongmen วันนี้ไม่ได้แบก notebook มาด้วย เดินได้ถึงไหนถึงกัน

ออกจาก Huawei ขึ้นทางด่วน ขับมาได้สักพัก เห็นคนใส่สูทยืนฉี่กลางถนน – โอ้ My God กลางวันแสกๆบนทางด่วน ผู้ชายใส่สูทเนี่ยนะ ยืนฉี่กลางทางด่วน



Dongmen

Dongmen


Dongmen นี่แหล่ง shopping พวกเสื้อผ้า, นาฬิกา ว่าจะไปดูซักหน่อย เผื่อซื้อเสื้อผ้า copy brand name ราคาถูกๆ

คนที่นี่เยอะจริงๆ เยอะกว่าที่ Siam Center บ้านเรามาก ดูเหมือนมีแต่หนุ่มสาวมา shopping ไม่รู้มาจากไหน ดูคึกคัก เหมือนกับว่าจะปิดถนนด้วยนะเนี่ย

เพิ่งจะสังเกตุว่า ไม่ค่อยได้เห็นคนแก่ มีแต่หนุ่มสาว, วัยรุ่น หรือว่าเมืองนี้เป็นเมืองคนทำงาน เป็นเขตเศรษฐกิจปกครองพิเศษของจีน หรือว่าบริเวณแถวนี้ คนแก่ไม่ออกมาเดินกัน

สาวๆที่นี่แต่งตัวกันเริ่ดมาจริงๆ แต่ก็เหมือนๆกันหมด ดูเหมือน copy จากญี่ปุ่นยังไงก็ไม่รู้ แบบนี้ก็ไม่มีเอกลักษณ์ของตนเองนะซิ

วันนี้ เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับร้านนาฬิกา เฮ้อ เราไม่ได้ซื้อซักกะหน่อย แต่ก็นะ ตามๆเขาไป

เห็นเอ๋ถูกใจนาฬิกา Patek Philippe ดูๆก็สวยคลาสิคดี ต่อราคามาได้ 180 หยวน แต่เอ๋อยากต่อให้ได้ 150 หยวน คนขายไม่ยอมขาย เลยไม่ได้ซื้อมา

เออ สังเกตุอย่าง คนที่นี่สงสัยชอบกินอ้อยกันอ่ะ เวลาขาย เขาจะขายอ้อยเป็นลำยาวๆประมาณเมตรกว่าๆ เหมือนไม้เท้าตีสุนัขเลย วางขายใส่ถัง พอมีคนซื้อ ก็จะปลอกเปลือก แต่ไม่เห็นตอนกินนะซิ จะกินยังไงเนี่ย ไม่เห็นตัดเป็นชิ้นๆเหมือนบ้านเรา

อ้อย ขายกันเป็นลำ

พุทราเชื่อม

บริเวณแถวนั้น ถ้าใครจะกินก๋วยเตี๋ยวซักชาม ต้องซื้อหน้าร้าน แล้วนั่งยองๆกิน เห็นคนนั่งกินเต็มไปหมด
ก๋วยเตี๋ยว นั่งยองๆกิน


อ้อ สังเกตุเห็น trend อย่างหนึ่งมาแรงแฮะ แต่บ้านเราช่วงนี้ซาลงแล้ว ก็คือ ต่อเล็บ เพ้นท์เล็บ ส่วนใหญ่จะเรียกลูกค้าโดยโชว์รูปลวดลายต่างๆของเล็บที่เพ้นท์แล้วให้ลูกค้าดู แต่เสียใจนะ เราไม่สน

วันนี้ได้ซื้อกี่เพร้าให้น้องปอนด์ ราคา 30 หยวน ต้อนรับตรุษจีน ที่นี่หาซื้อเสื้อผ้ายากจริงๆ เพราะเสื้อส่วนใหญ่จะหนาๆทั้งนั้น ซื้อกลับเมืองไทยคงไม่ได้ใช้แน่ๆ แล้วเสื้อแบรด์เนมทั้งหลายที่คนเขาพูดกัน ก็ไม่มี มีแต่ลายแก่ๆอ่ะ

เย็นนี้พวกเราดินเนอร์กันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Fan Fan Noodle กะว่าจะสั่งบะหมี่มากิน แต่พอสั่งแบบชี้ในรูป ได้มาไม่เหมือนกับที่สั่ง คุยกับผู้จัดการร้านอาหาร ก็ไม่รู้เรื่อง ถามว่า Pork เขาบอกว่า Pig เฮ้อ..กรรม

Fan Fan Noodle

ทำไมคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้เลยอ่ะ คือร้านอาหาร ร้านขายของ พูดเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้ ติดต่อสื่อสารไรก็ไม่ได้เลย แม้แต่วันก่อนจะสอบถามเส้นทางกับวัยรุ่น ก็พูดไม่ได้ ทำให้ความสนุกลดลงไปเยอะ

แล้วตอนเราพูดไม่ได้ เขาก็ยังพยายามจะพูดภาษาจีนกับเราอยู่นั่นแหละ แถมยังมองเราแปลกๆ ทำนองว่า ทำไมเราไม่พูดภาษาจีน สงสัยมองหน้าตาเราแล้วก็งงว่า คนจีนคนนี้ทำไมพูดจีนไม่ได้ อาหารเย็นวันนี้ทั้งหมดราคา 69 หยวน พี่พีบอกอร่อย แต่เรารู้สึกธรรมดาอ่ะ

Monday, January 16, 2006

ShenZhen – ขากถุย

วันนี้วันแรกที่ Huawei พี่พีนัดกินข้าวเช้า 7 โมง ที่ชั้น 2 ของโรงแรม ปรากฏว่า เอ๋ตื่นสาย เราไม่ได้โทรไปปลุก โทรปลุกแต่พี่พี แต่เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ ต้องใช้มือถือช่วยปลุก (เกือบตั้งเวลาผิดเป็นเวลาที่เมืองไทยไปซะนี่) (อ้อ อีกอย่าง โรงแรม 5 ดาวที่นี่นะ โทรระหว่างห้องต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ด้วย ทำให้ไม่ค่อยอยากโทรเลยอ่ะ)

รปภ.โรงแรม โปรดสังเกตุไม้กระบอง

บริการขัดรองเท้า

วันนี้นั่งรสบัสขนาดกลาง มีชาวไนจีเรียผิวดำไป training ด้วยเหมือนกัน รู้สึกว่าเอ๋จะชอบใจพวกไนจีเรียกลุ่มนี้นะ ก็ทำให้เอ๋ดูขาวขึ้นเป็นกอง ทำเป็นเรียกพวกนั้นว่า ไอ้มืด อ้อวันนี้พวกเราเอา Notebook ไปด้วย

ต้องนั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ขึ้นทางด่วนไปด้วย ทางด่วนของที่นี่เขาเก็บเงินโดยขาขึ้นเจ้าหน้าที่จะยื่นบัตรต้นทางให้คนขับ พอถึงปลายทางคนขับก็ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้รู้ว่าขึ้นจากที่ไหน แล้วเก็บค่าบริการ

ไปถึง Huawei ที่นี่กว้างขวางมาก เหมือนเป็นอีกเมืองเลย ดูสะอาด กว้างขวาง จะแบ่งพื้นที่เป็น Zone เช่น A,B,C Zone Training คือ Zone j

Huawei - บริเวณโรงแรมที่กินข้าวเที่ยง

Huawei - บริเวณโรงแรมที่กินข้าวเที่ยง


สาวสวยที่มาต้อนรับชื่อ Zinnia พาไปห้องเรียนที่ชั้น 3
อาจารย์ที่มาสอนชื่อ Peter แต่ดูเด็กมาก ดูเหมือนอายุไม่น่าเกิน 26 , Zinnia เข้ามา guide เรื่องต่างๆของการใช้ชีวิต แนะนำสถานที่ shopping, และพวกเราจะได้เงินจาก Huawei วันละ 90 หยวน 5 วันก็ 450 หยวน เบิกได้วันพรุ่งนี้ อ้ออีกอย่าง Huawei ออกค่าซักผ้าด้วย ดีจัง

จริงๆแล้ว ที่ Huawei เขาไม่ให้เอา Notebook มา, Flash Drive ก็ไม่ได้ เหมือนเคยมีคนมาอบรมแล้วแอบขโมยเอา เอกสาร, source code ออกไป แต่ไม่เป็นไร สำหรับ notebook ที่พวกเราเอามาวันนี้ Zinnia เอาสติ๊กเกอร์ของ Huawei มาติดให้ ทำให้พวกเราเอา notebook มาได้ แต่ถ้าใครเอากระเป๋าใหญ่ๆมา ก็ยังต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจตอนขาออกอยู่ดี

กลางวัน กินข้าวที่ Training Center เดินจากที่เรียนไปประมาณ 10 นาที แต่อากาศเย็นดี เดินได้สบายๆ วันแรกนี้ทั้ง Zinnia กับ Peter ไปกินข้าวพร้อมกับพวกเรา

ตรงข้ามกับร้านอาหาร มี DVD ขายเต็มไปหมด ราคา 4-6 หยวน ถูกจัง แต่วันนี้ยังไม่ซื้อ ดูดูไปก่อน ถ่ายรูปบริเวณแถวที่ขาย DVD แต่ดูเหมือน Peter บอกไม่ให้ถ่ายรูป ไม่น่านะ ไม่เห็นมีไรเลย เซ็งๆเหมือนกัน กลางวันที่นี่มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง คือพนักงานจะนอนกลางวัน กลับมาจากกินข้าว เห็นพนักงานหลับกันเป็นแถว เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในช่วงบ่ายดีขึ้น TRUE น่าจะทำอย่างนี้บ้างนะ

หลังเลิกเรียน วันนี้จะไป Huaqiangbei เป็น shopping area พี่พีจะไปซื้อ IC ก่อนไป Zinnia บอกให้ระวังเงินปลอม ซึ่งที่นี่จะเยอะมาก แล้วก็สอนวิธีดูเงินปลอม ให้ระวังตอนทอนตังค์ให้ดี

Huaqiangbei

Huaqiangbei


ตอนแรกนึกว่าจะกลับโรงแรมเอา Notebook ไปเก็บก่อน ที่ไหนได้ ออกจาก Huawei ก็ไปกันเลย แบกเจ้า Notebook นี่ไปด้วย

ไปที่อาคารแห่งหนึ่ง เห็นว่าเป็นแหล่งขาย electronic พี่พี เที่ยวตามหา IC ที่ว่า แต่ดูเหมือนหาหลายร้าน ก็ไม่ได้ซักกะที หายากมากๆ

คนที่นี่สูบบุหรี่กันหนักมากๆๆ ขนาดอยู่ในห้องแอร์ ดูเหมือนจะสูบบุหรี่กันถ้วนหน้า ควันขโมงไปหมด เดินได้ชั่วโมงกว่าๆถึงสองชั่วโมง มึนไปหมด ตัวเหม็นไปด้วยบุหรี่

เอ๋กับพี่พี ได้ PCMCIA – Lan มาคนละใบ สรุปว่าหาซื้อ IC ไม่ได้
เย็นนั้น กิน KFC เป็นเช็ตใหญ่ 78 หยวน เดินจนเดินไม่ไหว ก็เจ้า notebook นี่ด้วย ไม่รู้จะแบกมาด้วยทำไม
เดินเที่ยวกันซักพัก หาทางขึ้นรถไฟฟ้า ระหว่างทางเจอร้านอาหารจีน หน้าร้านมีของทะเลวางอยู่ ตัวนี้ไม่รู้ว่าอะไรเนี่ยซิ

ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ


กลับถึงโรงแรมประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ตอนแรกว่าจะอาบน้ำนอนแล้วนะ พี่พียังฟิตอยู่ ออกไปเดินอีก เอ้าไปก็ไป เดินรอบๆโรงแรมนั่นแหละ

คนที่นี่เนื่องจากสูบบุหรี่กันมาก ทำให้ต้องขากเสลดกันบ่อยๆ เดินไปเดินมาต้องระวังให้ดี เดี๋ยวโดนเสลดใครเข้า อีกอย่างคนที่นี่นึกอยากทิ้งขยะตรงไหนก็ทิ้ง สงสารคนกวาดขยะ ยังงี้กวาดยังไงก็ไม่หมด

อีกเรื่องที่เห็นแล้วไม่ประทับใจเลย ก็คือ บริเวณกำแพง , ถนน จะมีเขียนเหมือนโฆษณา พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์เต็มไปหมด (เบอร์โทรศัพท์ที่นี่ 8 หลักบวกรหัสเมือง 3 หลัก เป็น 11 หลัก แต่เขียนติดกันเป็นพรืด)

หมายเลขโทรศัพท์เขียนบนพื้นถนน

เดินผ่านสะพานข้ามถนน ระหว่าง A-Best กับตึกฝั่งตรงข้าม ก็คือสะพานที่วันแรกมาเดิน กลางคืนมีของขายเต็มไปหมด เดินๆต้องระวังกระเป๋าเหมือนกัน ซื้อ DVD เพลงมา 2 แผ่น เจอคนขายของเป็นอาม่า แต่ไม่แก่มาก พูดจีนแต้จิ๋วได้ด้วย บอกให้ระวังกระเป๋าตังค์ด้วย แวะซื้อ มาม่าของท้องถิ่นมาลองกิน ถึงที่พักเหนื่อยจริงๆวันนี้