Saturday, November 24, 2007

ลอยกระทง 2007

วันเพ็ญเดือน 12 ปีนี้ ได้ออกไปเที่ยวงานลอยกระทงอีกแล้ว 2-3 ปีหลังเนี่ย พยายามออกไปเที่ยวทุกเทศกาลเท่าที่ทำได้

แม้ว่าจะผิดคาดไปหน่อย เพราะตอนแรกกะว่า จะไปเที่ยวที่ฉะเชิงเทรา หลังจากเที่ยวรอบที่แล้ว ได้ยินเจ้าหน้าที่ชักชวนให้มาเที่ยวงานลอยกระทง แต่เนื่องจากหลายๆไม่ค่อยลงตัว ก็เลยไปเที่ยวที่กรุงเทพนี่ละกัน

ในกรุงเทพ lunar ก็นึกไม่ค่อยออกว่าจะไปไหนดี นึกได้แต่สวนสันติชัยปราการเนี่ยแหละ เพราะปีที่แล้วก็ไปมา ปีที่แล้วเน้นไปดูเรือที่ประดับไฟต่างๆ มากกว่า ไปเที่ยวงานลอยกระทง

ปีนี้ไปกันทั้งหมด 4 คน เอ๋-เค็ง โต้ง นัดเจอกันที่ default gateway (แหะ แหะ ติดศัพท์ทาง network เยอะไปหน่อย) ก็หัวลำโพงเหมือนเดิม

สถานที่แรกที่ไป ไปนี่ก่อนเลย วัดสระเกศ บรรยากาศแบบงานวัดเนี่ย ต้องที่นี่แน่นอน

วัดภูเขาทอง
ไหนๆมาแล้ว ขอแอ๊คชั่นหน่อย

ไปถึงก็ต้องเข้าโบสถ์ ไปไหว้พระกันก่อน รับน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลกันซะหน่อย

เสร็จแล้ว ก็กะกันว่าจะไปเดินขึ้นภูเขาทอง ดูบรรยากาศงานวัดยามค่ำจากที่สูงซะหน่อย

ระหว่างทาง เจอร้านก๋วยเตี๋ยวกะลา เห็นแปลกดี แวะกินรองท้องกันก่อนอ่ะ


lunar สั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ รอตั้งนาน ไม่เห็นจะมีลูกค้าเลย ไหงแม่ค้าไม่ยอมทำให้ซะกะที ดูๆเหมือนจะไม่รับมุขกับคนรับ order ยังไงยังงั้น กลุ่มของ lunar เกือบจะล้มโต๊ะไม่กินซะแล้ว

ก๋วยเตี๋ยวกะลา

ก็เลยที่ตั้งใจว่าจะมาหาของกินเป็นงานเป็นการ ก็ไม่เอาละ เจอไรน่ากิน ก็แวะกินไปเรื่อยๆละกัน

ก่อนขึ้นไปบนภูเขาทอง เจอขนมเบื้องน่ากินมาก ซื้อมา 20 บาท โอ้โฮครีมเยอะจริงๆ อร่อย แต่กินเยอะไม่ดีต่อพุงนะ ก็เลยแบ่งๆให้เพื่อนร่วมก๊วน จะได้แบ่งกันอ้วนๆด้วย


ว่าจะเดินขึ้นไปบนภูเขาทองล่ะ แต่ไหงเดินไปได้สักพัก ไอ้ป้ายที่ตอนแรกบอกว่า เป็นทางขึ้น กลับกลายเป็นทางลงซะงั้น งงๆกันอยู่ พอสอบถามเจ้าหน้าที่ ก็ได้ความว่า ต้องเดินไปขึ้นอีกทางหนึ่ง


เอ๋กินแมลงทอด

พวกเราก็เลยเดินลงมา กะว่าจะไปขึ้น แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ไปสวนสันติชัยปราการกันเลยดีกว่า


จริงๆแล้วจุดมุ่งหมายหลักที่จะมา สวนสันติฯในวันนี้ นอกจากงานลอยกระทงแล้ว อีกจุดประสงค์หนึ่งที่จะมาคือ ร้านโรตีมะตะบะ อันลือชื่อแห่งถนนพระอาทิตย์นั่นเอง

ปรากฎว่า วันนี้ร้านแน่นมากๆ คนรอเข้าคิวก็เยอะซะ.. ซึ่งในวันปรกติคนก็แสนจะแน่นอยู่แล้ว ปรากฎว่ารอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้คิว

รอครึ่งชั่วโมง แต่กินจริงๆใช้เวลาประมาณ 10 นาที เท่านั้น
วันนี้สั่ง โรตีเปล่า 3, มะตะบะ, ซุปไก่ (อาหารหลัก) แล้วก็ลอง ปอเปียะ ซึ่งก็ไม่ค่อย work อ่ะค่ะ

ปรากฎว่า ผลจากการรอกิน โรตีมะตะบะ ทำให้วันนี้พลาดดูเรือจนได้ ไปถึง เห็นแค่เรือลำสุดท้ายซะเนี่ย

ปีนี้ lunar อยากลอยกระทงแหะ ก็เลยซื้อกระทงมา 30 บาท แต่ไหงพอเปิดดูข้างใน กลายเป็นโฟมไปซะนี่

กำลังเดินจะไปลอยกระทงซะหน่อย เห็นบางคนถือกระทงกิ๊บเก๋มากๆ เป็นดอกบัว (ดอกค่อนข้างใหญ่)ดอกเดียว พับกลีบดอกเหมือนถวายพระ ตรงกลางมีเทียน 1 ดอก อือม.. แค่นี้ก็ดูน่ารัก ok มาก ปีหน้า lunar ขอเลียนแบบบ้าง

กระทงรณรงค์ไม่ดื่มเหล้า


กระทงเต่า

ปีนี้ ที่สวนสันติฯ มีการจัดงานหลายอย่าง ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ซึ่งทำให้ปีนี้ดูคึกคัก คนมาเที่ยวงานกันเยอะมาก มีการปล่อยโคมยี่เป็ง แต่ปล่อยไม่เยอะ เหมือนกับตั้งจุดไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว ถ้าใครอยากปล่อยโคม ก็ให้มาปล่อยเป็นจุดๆ

รอบๆงานมีการแสดง มี 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเน้นดนตรีไทยๆ มีการแสดงต่างๆ เช่นประวัติของเทศกาลสงกรานต์ ส่วนอีกฝั่งกลับเป็นการแสดงคอนเสริต์ ของนักดนตรีกลุ่มต่างๆ ดูๆมันไม่ค่อยเข้ากันเลย


ที่สวนสันติฯนี้ เหมาะกับการแค่มาเดินเที่ยว ไม่เหมาะกับการมาลอยกระทงเลย เพราะเราจะไม่สามารถลอยกระทงเองได้ ต้องเข้าแถวต่อคิว แล้วจะต้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยหย่อนกระทงลงไปที่แม่น้ำ

คู่นี้น่ารักดีค่ะ

เจ้าเอ๋ ดูๆเห็นคิวแล้วก็คิดว่า มี shotest path ที่ไม่ต้องรอเข้าคิว

หลังจากที่มองๆแม่น้ำแล้ว ลองกะความสูง ในที่สุด เขาก็หย่อน(กึ่งโยน)กระทงลงแม่น้ำไปเลย (ไม่ต้องมีการจุดเทียน) เก่งจัง ไม่คว่ำซะด้วย

lunar เห็นอย่างนั้น ก็เลยรีบอธิษฐาน แล้วก็

"เอ๋ ขอใช้บริการวิธี shotest path ด้วยซิ"

Saturday, November 17, 2007

Aey Wedding



เดือนนี้ได้ยินว่า เป็นเดือนแห่งการแต่งงานของปีเลยก็ว่าได้ เพราะได้ยินหลายๆคนบ่นอุบว่า ได้ซองแต่งงานกันเพียบ รวมทั้งเหล่าดาราก็พากันแต่งงานไปหลายคน

รวมทั้ง เอ๋-เคง อีกคู่ด้วยอ่ะ


คบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียน ปี 1-2 กันแน่ะ

งานแต่งงาน จัดแบบเรียบง่าย สบายๆ กันเอง จัดงานที่ร้าน Polar Polar ตอนเช้าเป็นงานหมั้น ส่วนงานเลี้ยงก็กินเลี้ยงแบบบุฟเฟต์มื้อกลางวัน

lunar ไปตั้งแต่เช้า 7.30 น. ไปเช้ากว่าเจ้าบ่าว เจ้าสาวซะอีก ก็ยังดีนะที่มีเจ้าเบียร์ไปด้วย ไม่งั้นนั่งเอ๋อ อยู่คนเดียวแน่เลย

รอสักพัก เจ้าบ่าว เจ้าสาว ก็มาละ lunar กับเบียร์ กินข้าวเช้ายังไม่เสร็จเลย ต้องออกไปร่วมพิธีซะแล้ว
เนื่องจากครอบครัวเคง เป็นครอบครัวไทยเชื้อสายจีน งานพิธีตอนเช้า จึงจัดแบบจีนผสมไทย มีการแห่ขันหมาก ผสมกับหาบของที่ใช้ในงานหมั้นอยู่ในภาชนะแบบนี้อ่ะค่ะ


สินสอดทองหมั้น

lunar ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร ตอนแรก lunar ก็อยู่ฝ่ายเจ้าบ่าวดีอยู่หรอก ตอนช่วยถือสินสอดทองหมั้นไปขอเจ้าสาว แต่พอเห็นว่ามีกั้นประตูเท่านั้น ก็รีบเปลี่ยนเป็นฝ่ายเจ้าสาวทันที แหะแหะ (ก็แหม lunar ก็รู้จักทั้งเจ้าบ่าว กับเจ้าสาวนี่นา

ขอกั้นประตูหน่อยนะ

แอคชั่นรวมหมู่

อันเนื่องจากงานนี้ เจ้าบ่าวเน้นการใช้ human resource อย่างมีประสิทธิภาพ lunar กับน้องๆในทีม ก็เลยช่วยกันจัดแจงช่วยแจกของชำร่วยและบริการให้เขียนคำอวยพรให้กับแขกผู้มาในงาน

งานนี้จัดได้น่ารักอ่ะค่ะ ในเรื่องของการเขียนคำอวยพร โดยไอเดียของงานคือจะไม่เขียนในสมุดไดอารี่เล่มโตๆ แต่จะเขียนลงในรูปของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นขนาด postcard โดยจะมีรูปทั้งคู่อยู่ครึ่งรูป อีกครึ่งให้สามารถเขียนคำอวยพรได้

หลังจากเขียนแล้ว ก็จะนำมาหนีบติดอยู่บริเวณรอบๆงาน ดูเก๋ไก๋น่ารัก ไม่ซ้ำแบบใครดีอ่ะค่ะ


งานนี้ lunar ได้เจอน้องๆที่เคยทำงานที่ true แล้วออกไปตั้งหลายคน ทั้ง เอ๋(ขาว) นุ้ย-หนุ่ม ตี๋ เชิด ขาด นพพร กับตาลอ่ะ

ช่วงไฮไลท์ของงาน น่าจะเป็นการฉาย flash ของทั้งคู่ งานนี้ฮาสุดๆ น่าจะเป็นเรื่องของเจ้าบ่าวตอนเด็ก ก็แหมคนไร ผอมสุดๆ ผอมดำอีกต่างหาก งานนี้เรียกเสียงฮาได้เยอะทีเดียว

หมดจากการฮาแล้ว บทซึ้งก็ซึ้งซะทำได้ดีทีเดียว ก็แหมเจ้าบ่าวเล่นร้องเพลงสดแบบไม่ต้องมีดนตรี "เพลงรักเธอมากกว่าใคร" ของปั่น เท่านี้ก็ทำเอา บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยความหวานและซาบซึ้งเลยทีเดียว

มีความสุขไปอีกคู่ ยินดีด้วยนะจ๊ะ

ขอรูปเดี่ยว 1 รูปนะจ๊ะ

Sunday, November 11, 2007

11-11 D-Day:My Home


วันนี้แล้วซินะที่ lunar จะย้ายเข้าบ้านอย่างเป็นทางการซะที

lunar ขอเรียกว่าบ้านแล้วกันนะ แม้ว่าใครๆจะเรียกว่า คอนโดมีเนียม ก็ตามที

กำหนดการ 9 โมงเช้า เอาฤกษ์เอาชัยต้องเดินผ่านประตูบ้าน ไปถึงก่อนเวลา ก็ต้องไปไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตายาย ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ซะก่อน เสร็จสรรพ ปรากฏว่า เพิ่งจะ 8 โมงกว่าๆ เท่านั้น ทำให้ต้องรอแกร่วอยู่หน้าประตู ประมาณครึ่งชั่วโมง

พอ 9 โมงปุ๊บ ก็ไขประตูเข้าบ้าน

ว่าแล้วก็ต้องลองนอน นอนกลิ้งไปกลิ้งมาสักพัก ถือว่าได้นอนเป็นพิธีการแล้ว

หลังจากพิธีการแบบเรียบง่ายเสร็จสิ้น ฉลองด้วยการกิน MK ซะ

วันนี้ lunar เดิน shopping ซื้อของเข้าบ้าน พวก ของใช้ภายในบ้าน ของใช้ส่วนตัว เล็กๆน้อยๆ ยังไม่ได้ซื้อของชิ้นใหญ่ไรเลย ปรากฎว่า หมดไป 3734 บาทซะแล้ว

คืนนี้เป็นคืนแรกที่จะนอนบ้านใหม่ จะนอนหลับมั๊ยน๊อ

ห้องนอน

โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน

ห้องรับแขก

ห้องครัว

โต๊ะกินข้าว เอามาใช้นั่งทำงานชั่วคราว

ห้องยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร ยังขาดเฟอร์นิเจอร์อีกหลายชิ้น เดี๋ยวค่อยๆจัดหามาละกัน

Tuesday, November 06, 2007

LAO : Day 5 - เวียงจันทน์

ถึงเวียงจันทน์ประมาณ ตี 5 ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม ลงจากรถ ก็นั่ง sky lab ไปที่ท่ารถที่จะไปอุดร

ไปถึงก็แวะล้างหน้าล้างตากันก่อน กว่าจะเปิดให้บริการขายตั๋วได้ก็โน้นแนะ 7-8 โมงเช้า
กะว่าจะนั่งรถรอบ 10 โมงเข้าอุดรละกัน แต่ที่นี่เขาไม่เปิดขายตั๋วล่วงหน้า ต้องมาซื้อประมาณ 9 โมงเช้า ก็เลยไปเดินเที่ยวเวียงจันทน์ละกัน

พระเริ่มออกบิณฑบาตยามเช้า

มาถ่ายรูปที่ประตูชัยกันซะหน่อย วันแรกที่มาแค่เซิร์ฟๆยังไม่พอ



มุมภายในประตูชัย

อีกมุมหนึ่ง

เสร็จสรรพจากประตูชัย ไปไหนกันต่อดี ไปพระธาตุหลวงละกัน
ระยะทางจากประตูชัย ประมาณ กิโลกว่าๆ ระหว่างทางเลยแวะร้านข้างทาง หาอะไรรองท้องกินดีกว่า
ได้เฝอมาชามหนึ่ง (เฝออีกแล้ว) พี่ตุ่มสั่งขนมปังฝรั่งเศสมากินด้วย แต่ lunar ไม่ได้ลองอ่ะนะ
เพิ่งสังเกตว่า อาหารที่ลาวเนี่ย จะใส่ผงชูรสเยอะมาก เนี่ยมา 3-4 วันแล้วไม่รู้ว่ากินเข้าไปเป็นถุงๆแล้วหรือยัง ก๋วยเตี๋ยวชามนี้ ก็เลยบอกว่า ไม่เอาผงชูรสนะ

นักเรียนลาว

ซุ้มประตูพระธาตุหลวง


ที่พระธาตุหลวงเนี่ย ตอนแรกเดินเที่ยวรอบๆ พอเดินมากับพี่แหม่ม เห็นทางเข้าไปในพระธาตุหลวง ซื้อบัตรในราคา 5000 กีบ อือม.. ค่าเข้าชมที่นี่ถูกกว่าที่อื่นแหะ เลยเข้าไปกับพี่แหม่มแค่ 2 คน

ภายในพระธาตุหลวง


ข้างในสวยดีอ่ะค่ะ ได้ไปถ่ายรูปพระธาตุใกล้ๆ พอดีวันนี้ท้องฟ้าเป็นใจเป็นสีฟ้าสวยสด ไม่มีเมฆสักนิด เป็นฉากหลังที่สวยงามจริงๆ

นั่ง sky lab กลับมาซื้อตั๋วที่ท่ารถ โชคดีที่เปิดขายตั๋วแล้ว แล้วก็โชคดีอีกอย่างที่เหลือตั๋วแค่ 6 ใบ
มีเวลาอีกนิดหน่อย ลูกทัวร์ยัง shopping ไม่ซะใจ ไปเดินดูของในตลาด

lunar ไม่ได้ซื้อไรอีก เพราะมีแต่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่แวะซื้อ เบยลาว (เบียร์ลาว) มา 2 กระป๋อง กะว่าจะไปฝากเจ้าแอนกับเอกซะหน่อย น่าจะถูกใจ
ปรากฏว่าเจ้าเบียร์ ขนเบียร์มาประมาณโหลนึง มาถึงก็จะมาใส่กระเป๋าของ lunar Oh!No กระเป๋าของ lunar ไม่มีที่ว่างอีกแล้วอ่ะ

นั่งรถเข้าอุดรมาถึงประมาณบ่ายโมง เห็นนู๋กุ้งโทรถามเพื่อนว่า ที่นี่มีร้านอาหารตรงไหนบ้าง เพื่อนแนะนำไปกินแหนมเนือง แต่ดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไปหลายกิโล เลยว่าไม่ไปดีกว่า

ไปห้าง Lotus แถวนี้ละกัน ข้าวกลางวันเอาแบบสบายๆกิน KFC ละกัน
เหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมง lunar กับ เบียร์ ก็เลยไปนวดตัว นวดเท้ากันซะหน่อยแก้เมื่อยอ่ะ

พอได้เวลาพอสมควร ก็เหมารถไปท่าอากาศยานอุดร
ที่นี่ พวกเรายังได้ของฝากชิ้นสุดท้าย เป็นแหนมเนืองอุดรซะงั้น lunar ซื้อชุดใหญ่เลย 160 บาท ถ้าซื้อชุดเดียวสามารถถือขึ้นเครื่องได้ ซื้อมากกว่านั้นต้องโหลดไป
...
จบแล้วอ่ะ ทริปหลวงพระบาง มันส์ สนุกดี แม้จะเหนื่อยบ้างก็ตาม
หมดไปกับการท่องเที่ยวครั้งนี้ ประมาณ 5000 บาท ไม่รวมของฝาก ไม่น่าเชื่อเลยเน้อ
...
ปล. รูปภาพในทริปคราวนี้ทั้งหมด มาจากกล้องของ lunar, เบียร์ แล้วก็พี่แหม่ม lunar ขอหยิบยืมมาใช้แต่ง blog ต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ

Monday, November 05, 2007

LAO : Day 4 - หลวงพระบาง (3) - วัดเชียงทอง


เช้านี้ นัดกันตั้งแต่ตี 5 ว่าจะไปตักบาตรข้าวเหนียวกัน

เดินออกมาหน้าร้าน JO MA เห็นมีแม่ค้าพยายามจะขาย ข้าวเหนียวให้กับพวกเรา แต่อยากไปซื้อที่ตลาดมากกว่าอ่ะค่ะ

เดินมาเรื่อยๆที่ตลาดสด ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะมีขายเปล่า ลองสอบถามคนแถวนั้น ในที่สุดก็เจอร้านขายข้าวเหนียว

ซื้อกันคนละ 1 กิโล กิโลละ 6000 กีบ เจ้าเบียร์บอกว่า ไม่ตักบาตรนะ จะช่วยถ่ายรูปให้ละกัน แม่ค้าใส่ถุงก๊อปแก๊ปให้ พวกเราถามว่า มีกระติปให้ใส่หรือเปล่า แม่ค้าบอกว่าเมื่อก่อนก็เคยมีให้ใส่ แต่ลูกค้าใส่แล้วไม่เอามาคืนให้

พวกเราก็ไปรอๆแถวสี่แยก แม่ค้าแถวนั้นบอกว่าที่นี่แหละ พระเยอะแล้ว เพราะจะมีพระหลายวัดมาตักบาตรกันที่นี่ พวกแม่ค้าก็พยายามขายขนม พร้อมกับบอกว่ามีเสื่อให้ปูนั่งด้วย พวกเราก็เลยดูๆแล้ว อุดหนุนแม่ค้าหน่อยละกัน ชุดละ 5000 กีบ จะได้มีเสื่อไว้ปูนั่งด้วย

ข้าวเหนียวและขนม ตักบาตร

แต่ดูเหมือนรอกันตั้งนานแล้ว เกือบ 6 โมงแล้วเนี่ยยังไม่เห็นมีพระมาสักรูป แล้วก็ไม่เห็นมีชาวบ้านจะมาใส่บาตรกันเลย มีแต่พวกเรา 5-6 คนเนี่ย


นั่งรอสักพัก มีฝรั่งมาเดินๆเมียงมองพวกเราเหมือนกัน แล้วก็มาถ่ายรูปพวกเราด้วย อิอิ เผื่อเอารูปพวกเราไปเผยแพร่

กว่าพระจะมาก็ 6 โมงกว่าละ เดินมาเป็นทิวแถว
แต่พระจะค่อยๆมาทีละวัด จะมีเส้นทางเดินของแต่ละวัด จะไม่เดินทับเส้นกัน เวลาใส่บาตร ต้องจก(หยิบ)ข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ แล้วใส่บาตรพระให้ทัน พระจะเดินเร็วมาก


ตอนแรก lunar ก็จกข้าวเหนียวก้อนเล็กๆ หลังๆกลัวข้าวเหนียวไม่หมด เลยจกก้อนใหญ่ซะเลย
พระเดินมาประมาณ 4-5 วัด บางวัด ก็ไม่เดินผ่านที่ที่พวกเรานั่งอยู่ จะไม่เหมือนที่เมืองไทยนะ ที่เมืองไทยถ้าพระเห็นคนมาบินฑบาตร จะเดินเข้ามาให้ใส่บาตร

lunar ใส่หมดพอดี มีนุ่นกับพี่แหม่ม ใส่ไม่หมดอ่ะ
เบียร์บอกว่า ถ่ายรูปไม่ค่อยทัน โดนบังซะหมด ว๊าแย่จัง

หมดจากการใส่บาตรก็ไปขึ้น พูสี ค่าเข้า คนละ 20000 กีบ
ทางขึ้น วัดพูสี

เดินขึ้นสูงเหมือนกันแหะ ไปถึงข้างบน มองลงมาเห็นเมืองทั้งเมือง วิวสวยดี




พระธาตุพูสี
เข้าไปในโบสถ์ ไปลองเสี่ยงเซียมซี ได้เบอร์ 10 แต่แหะแหะ ไม่สามารถอ่านคำทำนายได้


มีให้อธิฐานแล้วลองยกพระพุทธรูปด้วย เจ้าเบียร์เห็นว่ายกได้ฉิวเลย lunar ว่าจะลองอธิฐานบ้าง
ปรากฏว่ายกไม่ขึ้นเลยอ่ะค่ะ ลองอีกครั้งก็ยกไม่ขึ้น (แปลว่าไรเนี่ย)



ขอเล่นบ้าง

ลงจากพูสี ไปเดินแวะตลาดอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวานพี่แหม่มกับกุ้งยังไม่ได้มาเดินกัน
อาหารเช้าวันนี้ ตอนแรกว่าจะไปกิน ข้าวเปียกกัน ไปถึงที่ร้านปรากฏว่า ตอนเช้าไม่ขายข้าวเปียก ขายแต่ก๋วยเตี๋ยวเครื่องใน ก็เลยขอ bye ละกัน ไม่ถนัดกินเครื่องใน

สุดท้ายกลับมากินร้านเดิม วันนี้ พวกเราสั่งเฝอมากินกันคนละชาม อร่อยแล้วอ่ะ

กลับมาที่พัก นัดกันว่า เจอกันเที่ยงๆ ให้เอาของมารวมกันที่ห้อง lunar เพราะจะยุบเหลือห้องเดียวเท่านั้น
lunar อาบน้ำเสร็จแล้ว ไม่อยากอยู่ในห้องอ่ะค่ะ อยากออกไปเดินเที่ยวอีก ก็เลยชวนพี่ตุ่มไปเดินดู souvenir แต่แล้วก็ไม่มีไรน่าสนใจ

กลับมาที่พัก เจอพี่แหม่มกับกุ้งรออยู่แล้ว เลยไปตามเจ้าเบียร์กับนุ่น ปรากฏว่า 2 คนนั่นยังไม่อาบน้ำเลย
กว่าจะรวมพลกันได้ก็เกือบเที่ยงแล้ว วันนี้จะไปวัดเชียงทองกัน

เดินไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านตำหนักลาว ร้านนี้หรูสุดแล้ว ตกลง trip นี้ได้กินหรูหลายมื้อทีเดียว
แต่ละคนสั่งเป็นจานๆมากิน lunar สั่งข้าวผัดไส้อั่ว แม้ว่าจะไม่มีในเมนู นึกว่าที่นี่เขาจะ adapt ได้ แต่ว่า เขาไม่ทำให้อ่ะ ถ้าไม่อยู่ในเมนู ก็เลยสั่ง ข้าวผัดกุ้ง แล้วสั่งไส้อั่วเป็นจานมากิน ไส้อั่วที่นี่อร่อยอ่ะค่ะ คล้ายแฮ่กึ้นบ้านเรา

อิอิ ลองส้มตำปลาร้าซะทีก็ดี ไหนๆก็มาแล้ว บ๋อยถามว่า จะเอาเป็นตัวๆหรือเปล่า จ๊าก ไม่ต้องอ่ะนะ แค่สั่งส้มตำปลาร้าเพราะต้องการแกล้งใครบางคนที่ไม่กินปลาร้าก็พอ

ปรากฏว่า สาวๆแต่ละคนกินส้มตำกันอร่อยซะ ยกเว้น หนุ่มคนเดียวของทีม

อิ่มแปล้กับมื้อกลางวันในราคา 245,000 กีบแล้ว ก็ไป วัดเชียงทอง กันต่อ
วัดเชียงทองนี้ได้ชื่อว่าเป็นวัดพระแก้ว สวยงามมากๆเลย เป็น highlight ของหลวงพระบางเลยทีเดียว ราคาเข้าชม 20,000 กีบ



เจ้าเบียร์กับมุมประตูวัด






ออกจากที่วัดเชียงทอง เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว พวกเราต้องรีบทำเวลากันหน่อย เพราะหลายคนจะไปซื้อผ้าพันคอเป็นของฝาก (รวมทั้ง lunar ด้วยอ่ะค่ะ) แต่เราเล็งร้านไว้แล้วว่าจะซื้อร้านไหน ก็เลยรีบตรงดิ่งไปทันที (ยกเว้นพี่ตุ่ม ที่ขอตัวกลับที่พักก่อน)

lunar ซื้อผ้าพันคอให้แม่กับเจ๊ฮวงคนละผืน เลือกอยู่นานเพราะสวยหลายผืน เลือกเนื้อผ้าแบบดีๆให้แม่เลยนะเนี่ย ราคา 450 บาท แล้วซื้อฝากน้องฝนด้วย 1 ผืน

เสร็จสรรพ มาแวะตลาดม้งอีกนิด ขอซื้อกระเป๋าของฝากอีกซัก 4-5 ใบ พร้อมกับโปสการ์ดที่ stamp ตราหลวงพระบางพร้อมวันที่เป็นที่ระลึกละกัน

กลับถึงที่พัก คราวนี้ทุกคนมารวมอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ละคนหามุมของตัวเก็บของกันใหญ่
เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ก็เลยคิดว่าไปหาอาหารเย็นกินดีกว่า เพราะถ้าขึ้นรถแล้วคงได้นั่งยาวเป็นแน่

ใกล้สุดก็ร้าน JOMA เพราะใกล้ที่พักที่สุดแล้ว lunar สั่ง pizza ไก่ กับ expresso มากิน แต่กินไม่หมดแหะ

ได้ยินพี่ตุ่มเล่าว่า พนักงานที่ถาวรสุขถามว่า จะกลับไปเวียงจันทน์หรือเปล่า เจ้าของโรงแรมเนี่ยวันนี้ก็จะไปเวียงจันทน์ เขาไปบ่อยมาก สามารถนั่งรถแวนไปกับเขาได้
เสียดายจัง ไม่ได้ถามแต่แรก ก็เลยบอกไปว่า ซื้อทัวร์ไปแล้วอ่ะ

โบกมืออำลาหลวงพระบาง เตรียมตัวนั่งรถตียาว 9 ชั่วโมงกลับเวียงจันทน์
พอมาถึงท่ารถ เอ.. เจ้าหน้าที่บอกว่า รถคันนี้แหละที่จะไปเวียงจันทน์ มีคันเดียว
พวกเราก็เมียงมอง อือม.. เนี่ยเหรอ รถ VIP ดูมันโกโรโกโส ยังไงชอบกล

รถ VIP (เหรอเนี่ย)

สอบถามแล้วปรากฏว่า เนี่ยไม่ใช่ VIP แต่เป็นรถธรรมดา รถ VIP จะมีแค่รอบเช้า แล้วรถธรรมดาเนี่ย ราคา 100,000 กีบ โอ๊ย โดนลาวหลอกซะแล้ว เพราะซื้อตั๋วมาในราคา 115,000 กีบ
เอาซะแล้ว แล้วบนรถ เราจะเจอไรบ้างเนี่ย

เริ่มแต่แรกเลย แม้คุณจะมีตั๋วที่บอกหมายเลขที่นั่งก็ตามที แต่พอขึ้นไปปุ๊บ ก็จะมีป้าที่ไหนไม่รู้ นั่งที่ของเราอยู่ก่อนแล้ว บอกกี่ทีก็ไม่ยอมไปซะที ต้องให้คนท้องถิ่นช่วยพูดให้

ข้อสอง พอคนเริ่มนั่งกันเต็มทุกที่นั่งแล้ว จะมีที่นั่งเสริมทันที เป็นเก้าอี้พลาสติกวางเรียงอยู่ตรงกลางรถ (โอ๊ย ไอ้นวัตกรรมแบบนี้เนี่ย เคยเห็นในเมืองไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้วนี่นา)

ข้อที่สาม พอรถออกไปได้สักพัก ปิดไฟมืดตื๋อ พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังเหมือนอยู่ในผับอย่างไงอย่างงั้น (มันจะเปิดดังๆทำไมฟะ) แต่เนื้อเพลงเป็นเพลงลูกทุ่ง

ด้วยเหตุที่เสียงเพลงบรรเลงเนี่ยแหละ ทำให้ lunar ไม่สามารถหลับได้เลย เพราะพอเริ่มจะเคลิ้มๆหลับซักนิด เสียงเพลงก็ดังขึ้นมา กวนรูหูเยี่ยงนัก

สลับกับเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ซ้ายทีขวาที ใครหลับลงก็เก่งโคตรแล้ว หลับๆตื่นๆ ดูดาวไปละกัน

ข้อที่สี่ การบริการผู้โดยสาร หลังจากออกจากท่ารถมาประมาณ 2 ชั่วโมง มีแวะให้เข้าห้องน้ำกัน ตอนแรก ก็พยายามมองๆหาห้องน้ำอยู่ไหนหว่า แต่ที่ไหนได้ เห็นผู้หญิงประมาณ 3-4 คน นั่งเด็ดดอกไม้ข้างทางซะนี่

ข้อที่ห้า ระหว่างทางเนื่องจากหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด อาจมีผู้โดยสารไม่ชินทาง เกิดอาเจียนขึ้นมา เด็กรถก็เลยถือถุงพลาสติกพยายามเดินแจกผู้โดยสาร พร้อมกับบอกว่า

“ถุงยางมั๊ยครับ”
เอามายื่นให้พี่แหม่ม พี่แหม่มบอกว่า
“ไม่ใช้ค่ะ”
ฮา เข้าไป

พอเที่ยงคืน ก็มีแวะให้กินข้าวเหมือนกัน คุ้นๆว่าร้านนี้เนี่ยมาแวะพักแล้วนี่นา ตอนระหว่างทางจากวังเวียงไปหลวงพระบางอ่ะ