Friday, June 23, 2006

Singpore : Communic Asia 2006

วันนี้หลักๆก็ไปงาน Communic Asia อ่ะค่ะ แต่กว่างานจะเปิดก็ 10 โมงครึ่ง พวกเราก็ว่าจะออกไปกันเวลา 10 โมงเช้า
lunar ตื่นสายอ่ะค่ะ 9 โมงแล้ว หนุ่มๆเขาตื่นกันหมดแล้ว โทรมาปลุกเราด้วย ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่เป็นกุลสตรีที่ดีเลยนะเราเนี่ย (ก็เมื่อคืนมันเพลียอ่ะค่ะ คืนก่อนนอนแค่ 4 ชั่วโมงเอง)


ระหว่างรอรถไฟที่จะไป expo
พวกเรานั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี Expo อยู่นอกๆเมืองเลยค่ะ จริงๆแล้วก็ใกล้กับสนามบิน Changi ตัวสถานีออกแบบได้จ๊าบมาก เป็นลักษณะคล้าย UFO ขนาดใหญ่

มางานนี้ ตอนแรกนึกว่าจะได้เดินดูเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องการ แต่ที่ไหนได้ คุณซันนี่กับคุณนุ๊ก มาเดินนำไปดูบู๊ทของ partner ทั้งหลายแหล่ 4-5 บริษัท เป็นอะไรที่เราไม่สนใจด้วย อยากไปดูทางด้าน software มากกว่า แต่ก็ได้แต่เดินตามไปเรื่อยๆ เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว เรามาทำอะไรเนี่ย


แต่ก็ยังดีที่ได้ของที่ระลึกจาก partner ที่น่าสนใจก็มี ที่ backup sim ยังไม่แน่ใจว่าทำไรได้บ้าง แต่น่าจะเอาไว้ใช้ backup พวก contact ต่างๆ อีกอันหนึ่งที่น่าสนใจคือ มีการแจกพวกหัวต่อต่างๆอย่างครบเลยค่ะ

เดินแต่ละบู๊ท รับแจกของที่ระลึกต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นปากกา จริงๆแล้ว technology หลายๆอย่าง น่าสนใจมากๆ แต่ แหะ แหะ ไม่ค่อยได้แวะดูเลย

หลังจากแวะดูบู๊ทของ partner ครบหมดแล้ว กินข้าวเที่ยงที่ในงานเสร็จ ก็บ่าย 3 กว่าๆแล้วละ ว่าแล้วก็จะจรลีจากงานกันละ
เนื่องจากเอกสาร โบชัวร์ ของแจกมีเยอะมาก พวกเราจึงตกลงกันว่า จะเอาของไปเก็บกันก่อนที่โรงแรม ซึ่ง lunar เป็นคนสนับสนุนเต็มที่ (เพราะจากประสบการณ์คราวที่แล้วที่ ZhenShen ในการหอบหิ้ว notebook ไปเดินเที่ยว ยังจำฝังใจไม่หาย) บวกกับครั้งนี้ ถ้าไม่เอาของไปเก็บก่อน lunar จะกลายเป็นยายเพิ้ง บ้าหอบฟางแน่ๆ เพราะมีเป้ กระเป๋ากล้อง แล้วก็ถุงใบใหญ่ใส่โบชัวร์นี่อีก

กว่าจะออกจากโรงแรมได้อีกครั้ง ก็ 5 โมงเย็นล่ะ (พวกหนุ่มๆนี่ทำอะไรช้ากว่าสาวสวยอย่างเราอีก อิอิ) ตกลงกันว่าจะไปถ่ายรูปที่ Melion
อยากทำเวลากัน ก็เลยจะนั่ง taxi ไปกัน แต่ต้องเรียก 2 คัน เพราะพวกเรามากัน 5 คน กฎหมายที่นี่เขาให้นั่งได้ 4 คนเท่านั้น

เรียก taxi คันแรก
คนขับรถ : Where to go?
lunar : Merlion (เมอร์ไลอ้อน)
คนขับรถ : Where?
lunar : Merlion (เมอร์ไลอ้อน)
คนขับรถ : Merlion (เมอร์ไลย่อน)
lunar : Yes
คนขับรถ : OK

ปรากฏว่าคนขับรถเหมือนกับจะตำหนิว่า lunar พูดไม่ชัด แกต่อว่าเราว่าต้องพูด เมอร์ไลย่อน ไม่ใช่ เมอร์ไลอ้อน โอ้ นี่เราเป็นนักท่องเที่ยวนะ เป็นผู้โดยสารด้วยอ่ะ ก็บ้านฉันพูดยังงี้นี่นา

ไปถึง Melion โอ้พระเจ้า ตอนแรก lunar มองไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน คุ้นๆว่ามันอยู่ตรงนี้นี่นา ที่แท้ เขากำลังปิดซ๋อม เอาผ้ามากางขึงไว้ คนอื่นๆได้แต่เสียดาย ส่วน lunar ก็เฉยๆนะ เพราะคราวที่แล้วก็ถ่ายไปแล้ว เพียงแต่เสียดายตังค์ค่า taxi มากกว่า (นั่งแป๊บเดียว เกือบๆ 7 เหรียญอ่ะ)


อิอิ ถ่าย Merlionได้แค่ฉากกั้น

ถ่ายตึกทุเรียนแล้วกัน

งั้นถ่ายเจ้าตัวเล็กก่อนไปพลางๆ
ได้แต่ถ่ายรูปบริเวณนั้น ตึก Esplanade (ตึกทุเรียน) แวะกินไอติมแท่งสี่เหลี่ยมๆ ขนาบข้างด้วยขนมปัง 1 แผ่น หรือ biscuit ตอนแรกจะหารูปปั้นเด็กที่เป็นสัญลักษณ์ของบริเวณนี้ เป็นรูปปั้นเด็ก 2-3 คน ยืนเกาะเอวเรียงกันไป คนสุดท้ายกำลังจะกระโดดลงแม่น้ำ คราวที่แล้วเดินไปเดินมาก็เจอ แต่คราวนี้ไม่เจอแหะ ลองสอบถามบริกรโรงแรม แต่สงกะสัยเขาฟัง lunar ไม่ออกอ่ะ ถามเขาว่า "Where are the black child statue?" แต่เขาทำหน้างงๆๆ เฮ้อ กลุ้มใจภาษาอังกฤษของเราจัง นับวันจะถดถอยลงไปทุกที

รูปนี้ขอยืมจาก trip คราวที่แล้ว
เดินมาแถวๆ Marina มีอาหารขาย ร้าน open air แวะกินสะเต๊ะกันนิดหน่อย ทริปต่อไปของพวกเราคือ Sim Lim เป็นตึกที่ขายอุปกรณ์ eletronic เหมือน Fortune บ้านเราอ่ะ

แวะกินข้าวเย็นที่ Food More มีอาหารหลากหลายมากๆ ดูๆแล้ว lunar ก็เลยเลือกบะหมี่เกี๊ยว ดูน่ากินดีอ่ะ ราคา 4 เหรียญ แต่ทว่า พอลองกินแล้ว รสชาดไม่ work เลยแฮะ เหมือนเป็นบะหมี่เจ ยังไงยังงั้น แถมเกี๊ยวก็ไม่ใช่เกี๊ยวกุ้ง แต่ใส่ผัก โอ้ พระเจ้าช่วย บะหมี่เจ 100 บาท

ไป Sim Lim, lunar ไม่ได้จะซื้อไรหรอก แต่หลายคนอยากมา มาแล้วก็ไม่เห็นได้ซื้อไรกัน เมื่อยแล้วอ่ะ


บะหมี่เจ
จุดหมายจริงๆของพวกเราในคืนนี้น่าจะเป็นที่นี่เลย Mustafa เป็นห้างของพวกแขก เปิดตลอด 24 ชม.มีของขายสารพัด เครื่องใช้ไฟฟ้า eletronic กระเป๋า ของกิน ของที่ระลึก

ออกจาก Sim Lim พวกเราคิดกันว่าจะไป taxi หรือว่าจะเอายังไง บังเอิญสอบถามคนขายของหน้าร้าน เขาพาไปหาผู้ชายกลางคน นั่งอยู่หน้าห้าง เหมือนเป็น taxi แต่ไม่ขึ้นทะเบียน (ทำนองว่า จ้างส่วนตัว) ก็ดีอ่ะ พวกเรานั่งอัดไปข้างหลัง 4 คน ข้างหน้า 1 คน เขาคิดค่าบริการไป Mustafa 6 เหรียญ ถ้าเรียก taxi ต้องแพงกว่านี้แน่ๆ เพราะยังไงก็ต้องเรียก 2 คัน

แต่ทว่า ไหงรถเป็นยังงี้อ่ะ ไม่มีแอร์ ต้องเปิดหน้าต่าง คนขับแนะนำตัวว่าชื่อ David รถคันนี้ใช้มาประมาณ 16 ปีแล้ว โอ้โฮ (มิน่าล่ะ สภาพถึงได้ ...) ก่อนถึง Mustafa พวกเราถามว่าถ้าจะให้รับกลับไปที่โรงแรม คิดราคาเท่าไร David บอกว่า 6 เหรียญ แล้วก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เผื่อโทรเรียก บอกว่าอย่าเกิน ตี 1 นะ

พวกเราใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดอยู่กันที่นี่ lunar ซื้อพวกของกิน มีถั่ว Pistachios ที่เป็นถั่วเปลือกแข็งๆอ่ะ ราคาเมืองไทยก็แพงนะ ซื้อมา 2 ถุงใหญ่ แล้วก็ Almond อีกถุง บวกกับของที่ระลึกให้น้องๆ ดูๆไปมา ไม่รู้จะซื้อไร พวงกุญแจก็น่าเบื่อ เห็นใครไปสิงคโปร์มาก็ซื้อแต่พวงกุญแจรูป Merlion ซื้อยากเหมือนกันนะ เพราะปัจจัยที่สำคัญคือ ราคาด้วยอ่ะ คือพูดง่ายๆว่าแพง สุดท้ายซื้อปากกา มีสัญลักษณ์ว่า "I love Singapore" ให้ละกัน จะได้ใช้ประโยชน์ด้วย ราคาตกอันละ 47 บาท ซื้อหลายอันก็หมดไปหลายบาทเหมือนกันน๊า

เงี๊ยบซื้อกระเป๋า notebook, พี่เล็กซื้อกระเป๋าเดินทาง ก็ OK น่ะ ดูคุณภาพดี ราคาก็ไม่แพง หลังจากที่ shop กระจายกันแล้ว ก็บังเอิญเจอคุณนุ๊ก เธอแนะนำว่า ถ้าซื้อเกิน 300 เหรียญ สามารถทำ tax refund ได้ โดยจะได้คืนประมาณ 15 เหรียญ lunar ก็เลยรวบรวมใบเสร็จของทุกคน เกิน 300 เหรียญ ก็เลยอาสาจะไปทำ tax refund ให้

ต่อคิวอีกนานมาก เกือบถอดใจไปหลายรอบแล้วว่าจะไม่เอาดีมั๊ยเนี่ย เพราะเมื่อยๆๆๆๆมาก แต่สุดท้ายก็ได้ทำ เจ้าหน้าที่บอกว่า ก่อน check in ที่สนามบินให้ไปทำ tax refund โดยต้องแสดงของที่ซื้อมาด้วย แล้วใส่เอกสารลงในซอง รอรับเช็คที่เมืองไทย

เสร็จจากทำ tax refund หมดสภาพอีกแล้ว เหนื่อยมากๆๆๆ ออกจากที่นี่เกือบตี 1 ฝนตกอีกอ่ะ ตกหนักซะด้วย ลองโทรเรียก David ว่าจะมารับหรือเปล่า ปรากฎว่าได้ผล David มาแฮะ

ขากลับนี่ ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิด ก็คุณ David นี่ขับฉวัดเฉวียนมากเลย ที่ปัดน้ำฝนก็ปัดเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น น่ากลัวจัง แถมไม่สามารถปิดหน้าต่างได้อีก lunar นั่งหลัง David น้ำสาดเข้ามาเต็มๆ

กลับถึงโรงแรม กว่าจะได้นอนก็ตี 2 ครึ่ง นั่งจัดกระเป๋า แต่ไหงคุณนุ๊กยังไม่กลับอีกอ่ะ

0 Comments: