Saturday, October 08, 2005

วังสวนผักกาด

อยากไปถ่ายรูปที่นี่ตั้งนานแล้ว วันนี้มีโอกาส ว่าแล้วก็สะพายกล้อง ออกเดินทาง

วังสวนผักกาดตั้งอยู่ที่ถ.ศรีอยุธยา ใกล้ๆกับอนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่น่าเชื่อเลยว่า จะมีพิพิธภัณฑ์, บ้านเรือนไทยอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยจะรู้จักที่นี่มากนัก ฉันเองก็รู้จักจากข้อมูลแนะนำแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่อันที่จริงแล้ว ก็เคยเดินผ่านที่นี่หลายครั้งแล้วเหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาสัมผัสซักกะที


ที่นี่มีทางเข้าและทางออกเป็นทางเดียวกัน ค่าเข้าชม คนไทย 50 บาท ต่างชาติ 100 บาท เพิ่งจะได้รู้สึกว่าเป็นคนไทยเนี่ยได้สิทธิพิเศษคราวเนี่ยแหละ

ห้องแรกที่จะต้องผ่านคือ ห้องบ้านเชียง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ยุคก่อนประวัติศาสตร์โน้น ที่เห็นส่วนใหญ่ก็เป็นถ้วยชาม ภาชนะต่างๆ แต่เห็นของอยู่สิ่งหนึ่งทำให้ประหลาดใจมาก ทำให้ฉันได้รู้ว่า คนสมัยนั้น ทันสมัยนะ ของสิ่งนั้นคือเครื่องประดับประเภท หิน แร่ ต่างๆหลายสีเอามาร้อยเป็นสร้อยคอ ช่างเหมือนกับเครื่องประดับยุคปัจจุบันนี้จริงๆ (ไม่รู้ว่าคนยุคก่อนทันสมัย หรือคนยุคนี้ล้าสมัย หรือว่ามันคือของร่วมสมัยกันแน่)

เดินออกจากอาคารพิพิธภัณฑ์ เตรียมจะไปบ้านเรือนไทย แต่แวะเห็นเจ้าตัวนี้แหละ

แหมยืนให้ถ่ายรูป ไม่เกรงกลัวไรเลยอ่ะ สงสัยคงชาชินซะละมั้ง

และแล้วก็มาถึงเรือนนี้ ชื่อว่า หอเขียน เป็นจุดเด่นที่สุดของสวนวังผักกาดเลยก็ว่าได้ มุมที่เห็นนี้ถ่ายไกลออกมาหน่อย


วันนี้ไม่ค่อยมีคน เห็นมีชาวต่างชาติพวกฝรั่งและก็ไต้หวันหรือญี่ปุ่น กะคนไทยไม่กี่คน ที่นี่เงียบสงบจริงๆไม่น่าเชื่อ เพราะห่างออกไปแค่ประมาณ 50 เมตร ก็จะเห็นความจอแจ ของถนนศรีอยุธยาที่กำลังก่อสร้างสะพาน เหมือนอยู่กันคนละโลกเลยก็ว่าได้
ไปเดินที่เรือนไทยหลังที่ 1 - 4 อยู่ใกล้ๆกันทั้งหมด ที่นี่เขาให้ถ่ายรูปได้ภายนอก ภายในไม่ให้ถ่าย ดูรูปภายนอกไปก่อนละกัน





เดินมาเรือนไทยหลังที่ 6 เรือนนี้มีพิพิธภัณฑ์โขน ข้างในมีโรงละครขนาดเล็ก แบบว่าผู้ชมสามารถกดปุ่มแล้วจะเป็นการแสดงโขนอัตโนมัติ เสียดาย ทำไมถึงเสียนะ น่าจะช่อม จะได้ลองดูโขนแบบหุ่นแสดง

เรือนแต่ละหลังก็จะมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆเช่น เครื่องชามสังคโลก เครื่องถ้วยชา หิน แร่ ฟอสซิลต่างๆ

มาถึงเรือนนี้ หอเขียน ข้างในจะเป็นภาพลายรดน้ำ เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและรามเกียรติ์ เสียดายข้างในเขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยถ่ายแต่ข้างนอกลองมาดูใกล้ๆกัน


ทัวร์สวนผักกาดหมดแล้วล่ะ ใครไม่เคยมาน่าจะลองมาสักครั้งนะ

0 Comments: