Saturday, November 26, 2005

ปาย #2

ตี 5 คุณต๋อยปลุกพวกเราให้ตื่น ล้างหน้าล้างตากัน แต่ห้องน้ำยังไม่เปิดไฟอ่ะ มืดตื๋อ ข้าวเช้า กินข้าวต้ม ขนมปังกะกาแฟ แล้วก็ถ่ายรูปกันซะหน่อยตรงบริเวณป้ายอุทยานแห่งชาติออบหลวง แล้วก็เดินเข้าไปข้างใน มี unseen Thailand อย่างหนึ่งชื่อ เขาหินจูบกัน เป็นเขาสองลูก มองไกลๆเหมือนชายหญิงจูบกัน พอดีมัวแต่ถ่ายรูป ไม่ได้ฟังคุณไกด์อธิบาย แต่ประมาณว่า ตำนานหญิงชาย อะไรเนี่ย

ระหว่างเขาสองลูกจะมีสะพานเชื่อมต่อกัน ให้เดินได้ครั้งละ 5 คน ลองไปเดินสำรวจบริเวณสะพานเชื่อม มองลงมา วิวสวยมากอ่ะ น้ำไหลแรงพอประมาณ ถ้าเดินผ่านสะพานนี่ไปจะเป็น”ดินแดนมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์” (อิอิ อ่านจากป้ายเอา)


ออบหลวง มองจากสะพาน


อยู่ที่นี่ได้ซักพัก คุณต๋อยก็เริ่มเรียกให้ออกเดินทางต่อ ขากลับผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เจ๊แหม่มบอกขอแวะ จะไป stamp ตรายาง ไปดูด้วยดีก่า เผื่อจะมี passport ขายจะได้ซื้อไว้ซักเล่ม เจ้าหน้าที่บอกไม่มีอ่ะ ก็เลยได้แต่ stamp ลงในแผ่นพับที่มีไว้แจกนักท่องเที่ยว และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเซ็นต์ชื่อ

เห็นรูปที่เจ้าหน้าที่เขาถ่ายเมื่อตอนน้ำท่วมช่วงเดือนกันยา-ตุลา ที่ผ่านมา เห็นแล้วน่าตกใจ น้ำท่วมสูงมากๆ หลายเมตรเลยอ่ะ ถ้าเทียบกับระดับน้ำ ณ ตอนนี้ ช่วงนั้นคงน่ากลัวเหมือนกัน น้ำป่าไหลลงมาอย่างเร็ว นึกแล้วก็น่ากลัวแฮะ … ออกจากออบหลวง คุณต๋อยบอก จะพาไปเที่ยว ถ้าแก้วโกมล ซึ่งเป็น 1 ใน Unseen Natures and Wonders

ถ้ำแก้วโกมล ตั้งอยู่ อำเภอแม่ลาน้อย ห่างจากทางหลวงประมาณ 5 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน ประมาณ 125 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่ค้นพบใหม่ เห็นว่า ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อวิศวกรสำรวจเหมืองแร่ของสำนักงานทรัพยากรธรณีแม่ฮ่องสอน ขุดเจาะอุโมงค์เข้าไปตามสายแร่ ภายในถ้ำจะมีผนึกแก้ว ซึ่งเกิดจากแร่แคลไซต์ ชาวบ้านมักจะเรียกว่า ถ้ำน้ำแข็ง เพราะมีความงดงาม ดังหิมะ และน้ำแข็ง ทั่วทุกหนแห่ง ตั้งแต่ผนัง ยังเพดาน มีความยาวประมาณ 120 เมตร ลึก 30 เมตร แบ่งออกเป็น 5 ห้อง คือ ธารน้ำพระทัย, ดุจในวิมานเมฆ, เฉกหินมพานต์,ม่านผาแก้ว ,เพริศแพร้วมณีบุปผา ได้ยินว่า ถ้ำแบบนี้ในโลกมี 3 แห่งคือ ออสเตรเลีย, จีน และ ไทย

ภายในถ้ำแก้วโกมล

ไกด์บอกให้ถ่ายรูปป้ายชื่อห้องต่างๆ แต่ฉันถ่ายรูปมาไม่ครบหรอก คือข้างในนะมืด อีกอย่างข้อจำกัดของกล้องเราได้ประมาณแค่เนี้ยแหล่ะ
แร่แคลไซต์

อ้อ ก่อนเข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่เขาไม่ให้เราเอา กระเป๋า เสื้อกันหนาวเข้าไป และก็ย้ำนักย้ำหนาว่า อย่าไปแตะต้องผลึกเหล่านั้นนะ เพราะว่ามันจะตาย คือจะไม่งอกออกมาอีก ผลึกที่มีคนไปจับ มันจะมีสีดำๆ ตอนฉันเข้าไปดูข้างในก็เห็นว่า มีบางส่วนมันก็เริ่มคล้ำๆดำๆ เหมือนกันล่ะ
แร่แคลไซต์ รูปหัวใจ


อือม สมแล้วล่ะ ที่เป็น Unseen Natures and Wonders สวยและแปลกมากจริงๆ สงสัยอีกนิดนะว่า เขาให้ถ่ายรูป แล้วเจ้า flash ต่างๆรว มทั้งความร้อนจากร่างกายน่องท่องเที่ยวเนี่ย นานๆไปจะทำให้ผลึกต่างๆพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่าน๊า อยากให้อยู่นานๆ ก็ในโลกมีเพียงแค่ 3 แห่งเท่านั้นเอง

ที่นี่ สมเด็จพระราชินีของไทยเราเคยเสด็จมาเมื่อวันเกิดเรา 4 ปีที่แล้ว (19 กพ. 44 อิอิ ข้อมูลนี้มาจากป้ายอ่ะ) ก่อนกลับ เห็นมีของที่ระลึกขาย แวะไปดูๆ คุยกับคนขาย ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่มากกว่า ก็คุยกันได้สักพัก เห็นมีหนังสือเล่มเล็กๆชื่อ “ดูนกด้วยตนเอง” เป็นคู่มือสำหรับนักดูนกมือใหม่ ภายในก็จะเป็นรูปนกต่างๆพร้อมคำอธิบายอย่างย่อๆ คือซื้อมาไม่ใช่ว่าจะไปเป็นนักดูนกหรอก แต่อยากได้เป็นที่ระลึกจากที่นี่ อีกอย่างเจ้าหน้าที่คนขายเป็นทำเอง และเอารายได้ไปใช้ในมูลนิธิ ก็เลยข่วยๆกันหน่อย คนขายให้สมุดเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง ไว้บันทึกไรก็ได้

ออกจากถ้ำแก้วโกมล ไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารในอำเภอขุนยวม กรุ๊ปเรามี 8 คน อาหารชุดหนึ่ง ไม่ค่อยพออ่ะดิ (แต่อีกกรุ๊ปเนี่ย เหลืออีกล่ะ) มะละกอ อร่อย หวานดี ขอเพิ่มอีกเพราะหมดอย่างรวดเร็ว เสร็จจากข้าวเที่ยง ก็ไปดูดอกบัวตอง ที่ดอยแม่อูคอ สูง 1600 เมตร ดอกบัวตองเยอะมากจริงๆ ตลอดทางที่รถวิ่งขึ้นดอยเนี่ยมีดอกบัวตองตลอดเส้นทาง ดูเหมือนจะมีครอบคลุมไปทั่ว แต่ถ้ามาก่อนหน้านี้สัก 2 สัปดาห์จะดีกว่านี้นะ ตอนนี้ ดูดูแล้วดอกมันเริ่มจะขอบดำแล้วล่ะ

ดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ


ถ่ายรูปกันซะ เต็มที่ ให้คุ้มกับที่ต้องนั่งรถตู้สนุกสนาน บรรยากาศดีๆ เคยเห็นแต่ในรูป ในเห็นของจริงละก็คราวนี้


ออกจากทุ่งบัวตอง ไปต่อที่พระธาตุดอยกองมู
วัดพระธาตุดอยกองมู มีชื่อเรียกแต่เดิมว่าวัดปลายดอน ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เป็น ปูชนียสถาน คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างโดย"จองต่องสู่" เมื่อ พ.ศ. 2403 ส่วนพระ ธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย "พญาสิงหนาทราชา" เจ้าผู้ครอง แม่ฮ่องสอนคนแรก

พระธาตุดอยกองมู

ที่นี่เขามีให้นมัสการพระธาตุ โดยนำดอกไม้ ธูปเทียน วางรวมๆไว้ในกระถาง ปักด้วยธงเงินทอง แล้ววางบนไม้ (เสียดายลืมถ่ายรูป) เขามีให้ แล้วแต่บริจาค นำกระถางนี้เดินรอบพระธาตุ วนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบใหญ่ (คือบางคนจะไม่รู้ มีการเดินลัดพระธาตุเจดีย์องค์เล็กด้วย) แล้วนำไปวางหน้าพระพุทธรูปประจำวันเกิด พระพุทธรูปที่นี่พระพักตร์เป็นแบบแนวสถาปัตยกรรมของพม่า

เสร็จจากนมัสการพระธาตุ ข้างๆจะมีการลอยโคม ทำเป็นกระถางเล็กๆคล้ายกระป๋องน้มข้น สีสดต่างๆ โครงเป็นไม้หรือลวดเล็กๆหุ้มด้วยกระดาษ มีเทียนเล็กอยู่ข้างใน แล้วผูกกับลูกโป่ง ฉันเลือกกระถางสีเหลือง ลูกโป่งแดง เอาแบบสวยๆ สีตัดกันอ่ะ เวลาลอยสูงดูสวยดี

ที่นี่มองจากมุมสูง จะเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอน มองเห็นสนามบินด้วย ฉันตีระฆังสัก2-3 ที พระอาทิตย์ใกล้ตกละ ก่อนจาก ฉันแวะซื้อโปสการ์ดมา 2 ใบ มีโปสการ์ดใบหนึ่ง ทำให้เห็นว่า ถ้ามองจากมุมสูง ที่นี่จะสวยมาก รูปในโปสการ์ดนั้นถ่ายเมื่อปี 1999 เห็นทะเลหมอกด้วย สวยจัง คุณต๋อยบอกว่าจะไปเช็คอินเข้าที่พักก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ คืนนี้ไปพักที่บ้านแก้วรีสอร์ท ฉันนอนกะพี่แหม่ม

หลังจากเช็คอิน เดินทางต่อไปวัดจองกลาง วัดจองคำ 2 วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน วัดจองคำ หรือพระอารามหลวงวัดจองคำ เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2340 เป็นวัดแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นวัดเก่าแก่สร้างตามแบบอย่างศิลปไทยใหญ่ สิ่งที่โดดเด่นหลังคาทรงประสาท 9 ชั้น และมีศาสนสถานที่สำคัญคือ วิหารหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของแม่ฮ่องสอน สร้างเมื่อ พ.ศ.2477 โดยช่างชาวพม่า

หลวงพ่อโต วัดจองกลาง จองคำ


ในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระประธาน มีขนาดหน้าตักกว้าง 4.85 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยช่างฝีมือชาวพม่า และมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งจำลองมาจากพระศรีศากยมุนีที่วิหารวัดสุทัศน์ เหตุที่เรียกชื่อวัดจองคำ เนื่องจากเสาวัดประดับด้วยทองคำเปลว คุณต๋อยบอกว่า กลางคืนที่นี่เขาประดับไฟสวยดี ไปนมัสการหลวงพ่อ ข้างๆจะมีให้ทำบุญบริจาคใส่ในบาตรแนวใหม่ มีบาตรเรียงกันเป็นวงกลม 7 บาตร ตามวันเกิด (แต่ไม่เรียงวัน) ทั้งหมดนี่อยู่ในกล่องแก้วใหญ่ๆ ข้างบนมีช่องให้หยอดเหรียญ ขึ้นไปเหยียบบนแท่น บาตรทั้ง 7 จะหมุนเป็นวงกลม ก็เล็งให้ดี ให้ตรงกับวันเกิดแล้วก็หยอด ส่วนใหญ่น่ะจะหยอดได้ ก็บาตรใหญ่อย่างนั้น เราอยู่ที่นี่แป็บเดียว ก็ไปกินอาหารเย็นชื่อร้านอาหารใบเฟิร์น

ร้านนี้บรรยากาศสวยดี เห็นว่าเป็นร้านที่ขึ้นชื่อของแม่ฮ่องสอน อาหารอร่อยบางอย่าง อาหารเย็นนี่มี 3 ชุด เขาให้พวกเรา 2 ชุด สงสัยเห็นว่ากลางวันกินกันไม่พอ คุณต๋อยบอกว่า มีใครอยากได้หนังสือรับรองมาเที่ยวแม่ฮ่องสอน ให้ลงชื่อไว้พร้อมเงิน 25 บาท กลุ่มเราดูเหมือนลงชื่อเกือบทุกคน ร้านเขาแต่งสวยดีนะ คนเยอะ แต่ไม่น่าเล่นเพลงไทยสากล อย่างเพลงของ โจ-ก้อง ไม่เข้ากับบรรยากาศเลย กินอิ่ม คุณไกด์ก็ให้พวกเราไปเดินเที่ยวเล่น จะมีคล้ายตลาดนัดขายของพื้นเมือง ของกิน เยอะมาก พวกเราก็เดินเที่ยว ซื้อของ แฮ่ แต่ฉันไม่ได้ซื้อไรอ่ะ ดูอย่างเดียว เห็นของกินหลายๆอย่าง อยากกิน แต่….อิ่มแล้วอ่ะ อ้อได้กินแค่ ปาท่องโก๋จิ้มสังขยา แล้วแวะซื้อโปสการ์ดอีก 2 ใบ

กลับจากเดินเที่ยว เข้าที่พัก คืนนี้นอนเร็วแฮะ แค่ 3 ทุ่ม แต่ก็ดีแล้วล่ะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน แถมพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่ ตี 4 จะไปปางอุ๋ง คุณไกด์บอกให้เตรียมชุดกันหนาวอย่างดี เพราะตอนเช้าจะเดินทางด้วยรถ 2 แถวแบบมีลมโกรก อย่างหนาววว

0 Comments: