วันก่อนที่เรียนเรื่อง java มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรียนเกี่ยวกับฟังก์ชันวันที่ ว่า java จะเก็บค่าวันที่โดยนับจากวันที่ 1 Jan 1900 ทำให้ lunar นึกถึงหนังในดวงใจเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆ นั่นคือ The Legend of 1900 " เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำได้ทุกสิ่ง...ยกเว้นการทำตัวเป็นคนธรรมดา "
(java นี่ทำให้ต่อยอดได้หลายตอนแล้วนะ ทั้งเรื่องที่ public และ private อิอิ)
เรื่องนี้ lunar เก็บตกมาจากห้องเฉลิมไทย ในเว็บ pantip เห็นมีหลายคนแนะนำ แล้วบังเอิญวันหนึ่งเดินผ่านร้านแมงป่อง เห็น DVD ลดราคาเหลือ 99 บาทก็เลยซื้อมาดู ดูแล้วก็อึ้ง อือม..
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกทอดทิ้งอยู่บนเรือเดินสมุทร Virginion เรือลำนี้แล่นระหว่างยุโรปกับอเมริกา โดยมีเจ้าหน้าที่เติมเชื้อไฟในเรือเป็นผู้พบในวันที่ 1 Jan 1900 และเก็บนำมาเลี้ยงไว้ในใต้ท้องเรือ แล้วตั้งชื่อให้ว่า Danny Boodman T.D. Lemon 1900 แต่คนทั่วไปจะเรียกสั้นๆว่า เด็กชาย 1900
เด็กคนนี้โตขึ้นมาบนเรือ เดินทางไปมาระหว่างอเมริกากับยุโรปหลายครั้ง แต่ไม่เคยขึ้นฝั่งสักครั้ง เขามีชีวิต แต่ในทางการแล้ว เขาเหมือนไม่มีตัวตน เนื่องจากเขาไม่เคยถูกบันทึกชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติของประเทศใดเลย เขาเรียนหนังสือกับพ่อ และมีเสียงดนตรีกล่อมเกลาตั้งแต่เด็ก
ชีวิตของเขาถูกเปิดเผยหลังจากพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วตายไป เขาแสดงฝีมือการเล่นเปียนโนตั้งแต่เด็ก และหลังจากนั้น เขาก็ได้เป็นนักดนตรีอยู่บนเรือ Virginion ลำนี้ เขามีชื่อเสียงมาก จนกระทั่งมีการขอดวลจาก Jelly Roll Molton ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเพลง jazz ซึ่งโดนนาย 1900 ของเราสอนมวยอย่างไม่เป็นท่า
เรื่องราวของเขาถูกถ่ายทอดผ่าน Max Tooney นักดนตรีทรัมเปตซึ่งเป็นนักดนตรีคนหนึ่งบนเรือลำนี้ด้วย และเป็นผู้เปิดเผยเรื่องราวของนาย 1900 ให้โลกฟัง
lunar เล่าเรื่องย่อๆให้ฟังแค่นี้ละกัน ไม่อยากเล่าเยอะ เดี๋ยวคนที่ยังไม่ได้ดู จะหมดสนุกซะก่อน
เล่าเรื่องด้วยภาพละกัน
(Spoiled ฉากนี้ออกจะเว่อร์ไปหน่อย ก็เด็กอะไรเนี่ยไม่เคยเล่นเปียนโน แต่พอจับปุ๊บก็เล่นได้เลย)
ฉากนี้เป็นฉากที่ประทับใจฉากหนึ่ง ไม่รู้ชีวิตจริงจะมีอย่างนี้อ่ะเปล่า ก็นาย 1900 เนี่ยจะช่วย Max ให้หายจากอาการเมาเรือ โดยการนั่งเปียนโนที่ปลดเบรกออกไปพร้อมกับเขา ดังนั้นพวกเขาก็จะเล่นเปียนโนพร้อมกับเลื่อนไหลไปมาตามคลื่นพายุ
สำหรับนาย 1900 แล้ว ชีวิตเขาคือดนตรี เขาสามารถเล่นเปียนโนให้กับผู้ฟังได้โดยไม่แบ่งชนชั้น ทั้งผู้โดยสารชั้นหนึ่ง หรือผู้โดยสารชนชั้นล่าง
ชายแก่คนนี้เป็นคนสอน 1900 ให้รู้จักคำว่า Life is immense (ชีวิตคือสิ่งดี) , Change life start fresh (เปลี่ยนชีวิตเริ่มต้นใหม่) และทำให้ 1900 ไม่อยากเชื่อว่าจะมี เสียงจากมหาสมุทร เนื่องจากชีวิตของเขาอยู่กับทะเลมาตลอดและไม่เคยได้ยินเสียงอย่างว่า
lunar ดูฉากนี้ 2 ครั้งกว่าจะเข้าใจ และคิดว่า ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นว่า 1900 เขาเล่นเปียนโนเก่งนั้น นอกจากพรสวรรค์แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเล่นดนตรีโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบ เขาสร้างจินตนาการ ดูชีวิตผู้คนต่างๆ หญิง 2 คนนี้ ผู้หญิงวัยกลางคน กับ ผู้หญิงสาวที่กำลังเต้นรำ นาย 1900 เมื่อเห็นเธอทั้งคู่ก็สามารถสร้างบทเพลงสำหรับพวกเธอได้
ฉากนี้คงเป็นฉากที่ระลึกใจที่สุด สะใจที่สุดแล้วอ่ะ ดูแล้วอินเหมือนกัน แทบลืมหายใจไปเลยกับการดวลระหว่างเขาทั้ง 2 ดูแล้วก็ได้ข้อเตือนใจว่า ของดีไม่จำเป็นต้องโชว์บ่อยๆ ทีเดียวให้อึ้งไปเลย
อึ้งสุดๆกับฉากนี้ คิดได้ไงเนี่ย
นาย 1900 ได้บรรเลงเพลงที่ไพเราะที่สุดเพลงหนึ่ง "Playing Love" จากการ love at first sight สาวคนนี้ เพลงนี้ได้รับการบันทึกแผ่นเสียง แต่ไม่มีใครได้ฟัง เพราะเขาเก็บแผ่นนั้นไว้เอง โดยตั้งใจจะมอบให้กับเธอคนนี้
ฉากนี้นั่งลุ้นอยู่ว่า 1900 จะยอมขึ้นจากเรือหรือเปล่า
เรื่องนี้ไม่ชอบอยู่ตอนเดียวคือตอนจบ อ่ะนะ เศร้าเกินไป รับไม่ได้
เรื่องนี้ต้องให้เครดิตกับ Ennio Morricone คอมโพเซอร์ชาวอิตาเลี่ยน,ผู้กำกับ Giuseppe Tornatore แล้วก็ Tim Roth ผู้ถ่ายทอดชีวิตของ 1900 ได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ
เล็กๆน้อยๆ
ก่อนการดวลระหว่าง Jelly กับ 1900
1900: You’re the one who invented Jazz, right?
Jelly: That’s what they say.
1900: นายคือคนที่คิดค้นเพลงแจ๊สใช่มั๊ย
เจลลี่: คนอื่น ๆ เขาพูดกันอย่างนั้น
:
:
Jelly: And you’re the one who can’t play unless you have the ocean’s on your ass, right?
1900: That’s what they say.
เจลลี่: และนายก็คือคนที่เล่นเปียโนไม่ได้ถ้าไม่ได้นั่งอยู่บนมหาสมุทรใช่มั๊ย
1900: คนอื่น ๆ เขาก็ว่ากันอย่างนั้น
0 Comments:
Post a Comment