Wednesday, April 12, 2006

Oh! Cheer

วันนี้ได้ดูซีรีย์เกาหลีจบเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นคือ Oh! Cheer - เชียร์สุดใจนายกระจอก ที่ฉายช่อง ITV เสาร์-อาทิตย์ และก็กำลังใกล้จะจบลงเช่นเดียวกัน

เรื่องนี้เป็นซีรีย์ประเภท comedy romantic (lunar คิดเอาเองนะ หลังจากที่ดูจบแล้ว) จริงๆแล้วไม่ค่อยได้ดูซีรีย์เกาหลีเท่าไหร่หรอกค่ะ ดูมาแค่ 2 เรื่องคือ All About Eve (สงครามแห่งความรัก) กับ แดจังกึม ที่มาดูเรื่องนี้ เพราะบังเอิญเปิดไป ITV แล้วเจอหน้านางเอก(แชริม) เป็นคนคนเดียวกับนางเอกเรื่อง All About Eve ก็เลยดูดูซะหน่อย

วันนั้นได้ดูแล้วรู้สึกว่าตลกกับพระเอก ก็เลยดูมาเรื่อยๆ สุดท้าย หา vcd มาได้ ก็เลยดูตั้งแต่ต้นจนจบ
ดูแล้วนอกจากความสนุกสนานไปกับบทตลกๆของพระเอก ก็รู้สึกดีดี เรื่องนี้ก็ถือว่า OK ค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่ง (โอ พิลซึง) เขาเป็นทายาทเศรษฐี หลานชายประธานบริษัทเบสท์ บริษัทห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเกาหลี แต่ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน อาศัยอยู่กับแม่ที่ภูซานแบบคนธรรมดาทั่วไป ทำงานรับจ้างคนส่งปลาที่ตลาด เขาไม่เคยทราบฐานะที่แท้จริง เนื่องจากเขาแทบจะไม่เคยเห็นหน้าพ่อตั้งแต่วัยเด็ก วันหนึ่งเขาขโมยเงินคนที่ตลาดเพื่อมาตามหาพ่อที่โซล

ส่วนคุณย่าของเขา เพิ่งจะสูญเสียหลานชายเนื่องจากอุบัติเหตุรถคว่ำ และพยายามตามหาหลานชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว (ก็คือ พิลซึง) เพื่อให้มารับช่วงต่องานในบริษัทในตำแหน่ง CEO

พิลซึงมาที่โซลคนเดียว เขาได้รู้จักซุนยองโดยบังเอิญที่สถานีรถไฟ แต่เขาถูกล้วงกระเป๋าตังค์และพยายามติดต่อกับเพื่อนคนหนึ่งที่เขารู้จักตั้งแต่อยู่ที่ภูซานซึ่งก็คือ ชุนเพียว (พี่ชายซุนยอง) สุดท้ายพิลซึงก็ได้ไปพักบ้านที่ของ ชุนเพียว และ เขาได้ขอให้ซุนยองช่วยฝากงานให้ที่ western store ที่ที่ซุนยองทำงานอยู่และเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาหนึ่งของบริษัทเบสท์

ด้วยความสดใส ร่าเริง และเป็นกันเองของซุนยอง ทำให้พิลซึงเริ่มหลงรักซุนยอง แต่ในขณะเดียวกัน ซุนยองได้รู้จัก ยุนเจยอง ซึ่งเป็น director ด้านการตลาดของบริษัทเบสท์ และเริ่มจะคบกับเขาในฐานะคนรัก พิลซึงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ซุนยองมีความสุข

ในขณะที่เขาแอบรักซุนยองเพียงข้างเดียว โนยูจอง ผู้ช่วยของเขาที่เป็นคู่หมั้นของพี่ชายคนละแม่(หลานชายคุณย่าที่เสียชีวิตไป) ก็ได้แอบหลงรักเขาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากบุคลิกของพิลซึงที่เป็นกันเอง และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั่นเอง

เรื่องนี้ในตอนสุดท้าย เดาตอนจบผิดไปนิดหน่อย (สงสัยเป็นเพราะก่อนหน้านี้ดูละครไทยเยอะไปหน่อย) แต่ lunar ว่าจบอย่างนี้ก็ดีนะ



Oh Pil Seung

โอ พิลเซิง พระเอกของเรื่อง lunar ว่าเขาเล่นได้ตลกดีนะ เป็นพระเอกที่ไม่หล่อ ตัวเตี้ย(กว่าพระรอง) แถมใบหน้าเริ่มมีริ้วรอย สังเกตุตอนยิ้ม ซีรีย์เกาหลีก็ดีอย่างนี้ล่ะ คนไม่หล่อก็เป็นพระเอกได้ คนหล่อกว่า หนุ่มกว่า หุ่นดีกว่า กลับได้บทพระรองไปซะนี่

Bong Sun-yeong

ซุนยอง เคยดูเธอตั้งแต่ All About Eve เธอเป็นสาวเกาหลีที่ตาโตมาก (อิจฉาอ่ะ) ในเรื่องนี้เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทิ้งมาโดยตลอด แต่เพราะโชคชะตา ทำให้ชาย 2 คนหลงรักเธอในเวลาเดียวกัน เธอจะเลือกใครระหว่าง ชายที่เธอรัก และ ชายที่รักเธอ

Yun Jae-woong

ยุนแจวู Marketing Director หนุ่มไฟแรงแห่งบริษัท Best เป็นนักธุรกิจที่เก่งและเชื่อมั่นในตัวเองมาก ทำงานโดยยึดถือตัวเลขเป็นสิ่งตัดสินใจ (เช่น อัตราการเติบโต, ผลกำไรต่างๆ) สุดท้าย เขาได้รับบทเรียนในความรักและการทำงานที่มีค่าจาก พิลเซิง

NoYu-jeong

โนยูจอง ผู้ช่วยของพิลเซิง ว่าที่เจ้าสาวของหลานชายประธานชิน ผู้หญิงที่เก่ง ชีวิตของเธอเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝึกการฟันดาบเพื่อป้องกันตนเอง เมื่อเธอมาเจอกับพิลเซิง ทำให้มุมมองหลายๆอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป เป็นอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือและปกป้องพระเอกของเรามาโดยตลอด เธอก็เป็นอีกคนที่รักเขาข้างเดียว

ชุนเพียวกับซองจา

ซุนเพียว พี่ชายของซุนยอง รู้จักกับพิลเซิงตั้งแต่ภูซาน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
ซองจา อดีตเพื่อนสาวของพิลเซิงที่ภูซาน เธอตามพิลเซิงมาที่โซล หลังจากที่เห็นรูปของเขาในหนังสือพิมพ์ แต่สุดท้าย เธอก็เลือกคนที่เหมาะสมกับเธอและรักเธอ


ชางซูกับอ๊อกจา (พ่อกับแม่ของซุนยอง)

พ่อกับแม่ของซุนยองคู่นี้ มีบทบาทสำคัญเหมือนกันนะ โดยเฉพาะแม่ของซุนยอง เนี่ย ในอดีตเป็นนางในดวงใจของ director มินกีเบ็ก เป็นคู่สามี-ภรรยาที่รักครอบครัว อยากให้ทุกคู่รักเป็นเหมือนคู่นี้จัง

ประธานชิน (คุณย่า)

ประธานชิน เป็นคนเก่ง ในอดีตไม่ยอมรับแม่ของพิลเซิงรวมทั้งตัวพิลเซิงเอง จนในท้ายที่สุด พิลเซิงคือญาติคนสุดท้ายของท่าน เป็นคนที่ให้โอกาสคนและมองเห็นความสามารถที่อยู่ภายในตัวพิลเซิง ถึงกับไว้วางใจยกบริษัทให้พิลเซิงไปบริหาร ไม่ใช่เพราะเขาเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่

เลขายุน (พ่อของเจวู)

เลขายุน เป็นเลขาของประธานชิน เป็นคนที่ซื่อสัตย์ ทำงานให้ท่านประธานมากกว่า 30 ปี ทุ่มเทให้กับการทำงานมาก มากเสียจนทำให้เจวูเข้าใจว่า พ่อของเขาไม่เคยใส่ใจ สนใจเขา เพราะสนใจแต่งานของตนมากกว่า แต่ที่แท้จริงแล้ว เขาเข้าใจผิด

มินกีเบ็กและลูกน้อง

มินกีเบ็กและลูกน้อง เป็นตัวละครที่สร้างสีสรรให้กับละครเรื่องนี้ไม่น้อย ตอนแรกดูเหมือนเป็นตัวร้าย จอมวางแผนที่จะโค่นล้มพิลเซิง แต่พอละครดำเนินไปสักพัก เป็นตัวตลกมากกว่า ในบทพยายามที่จะช่วงชิงตำแหน่ง แต่หลายๆครั้ง ก็อดจะเห็นใจและเข้าข้างพิลเซิง ไม่ได้ นี่ละน๊า ตัวร้ายของละครเกาหลีกับของไทย ต่างกันตรงเนี๊ย

================================================
ซีรีย์เรื่องนี้มีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ ตอนต้นของเรื่อง จะมีคำพูดที่กินใจและซึ้งใจเกือบทุกตอน ส่วนในตอนท้ายเรื่อง จะเป็นตอนสั้นๆที่ไม่อยู่ในเนื้อเรื่องแต่เกี่ยวข้องกับตัวละคร อาจจะเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าอดีต ความเป็นมาเป็นไปของแต่ละคน ซึ่งบางตอน ดูแล้วตลก ขำจริงๆค่ะ

ตอนต้นของเรื่อง
lunar ถอดความคำพูดตอนต้นเรื่องมาให้อ่านค่ะ (ใช้เวลามากเลยนะเนี่ย)

บทที่ 1
ในกรุงโซล มีคนอาศัยกว่า 10 ล้านคน ในเมืองหลวงมีเรื่องราวกว่า 10 ล้านเรื่องราว เรื่องราวความผูกพันและการเลิกร้างที่มีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
อุบัติเหตุที่กลายเป็นโชคชะตา สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ วันนี้แม้จะรักกันปานจะกลืนกิน แต่พรุ่งนี้กลับเกลียดกันโดยไร้สาเหตุ และช่วงเวลานั้นที่ต้องเกิดขึ้นกับคุณ

แฟนของซุนยอง : เราเลิกกันเถอะนะ ฉันคบคนใหม่แล้วล่ะ
ซุนยอง : ...

ช่วงเวลา ที่คุณคิดว่า ทุกอย่างกำลังจะจบ แต่เรื่องราวความผูกพันครั้งใหม่กลับเกิดขึ้นมา โดยที่คุณก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

บทที่ 2 ในกรุงโซล มีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 10 ล้านคน และในเมืองหลวงแห่งนี้ มีเรื่องราวกว่า 10 ล้านเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกวัน มีทั้งผู้หญิงที่ต้องถูกผู้ชายทิ้งมาตลอด และผู้ชายที่ชีวิตนี้เคยทิ้งผู้หญิงมานับไม่ถ้วน และบางคนที่แอบรักเขาข้างเดียวและไม่เคยบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และยังมีอีกหลายๆคนที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ

แจวู : จะรีบไปไหน สนใจอยากจะเข้าโรงแรมกับผมมั๊ย
ซุนยอง : ...
พิลเซิง : นี่ อะไรของคุณเนี่ย ทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้

บทที่ 3 ในชีวิตเรานั้น เราต้องเดินผ่านเข้าประตูหลายบาน ในบางครั้งก็มีคนอื่นเปิดประตูเข้าไปก่อนเรา หรือบางครั้งเราก็เปิดประตูที่เราไม่สมควรจะเปิด

เลขายุน : ผมมารับคุณไปกับผม ท่านประธานกำลังรอพบคุณอยู่
แจวู : คุณพ่อทำแบบนี้ทำไม ไปโค้งให้คนพันธุ์นี้ทำไม
เลขายุน : ระวังคำพูดหน่อย เขาคือ หลานชายของท่านประธาน

บางครั้ง เราก็เดินผ่านประตูที่นำเราเข้าไปสู่ชีวิตที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

บทที่ 5 การดำเนินชีวิตของคนในทุกๆวัน ก็คือการสร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นในทุกๆวัน คุณตกหลุมรักคนคนหนึ่งที่คุณพบโดยบังเอิญ และคาดหวังว่าจะความรักนั้นจะสุขสมหวังในทันที แต่ทว่า..

แจวู : ท่านอยากให้ผมเอาชนะคุณ และตอนนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าผมจะเอาชนะคุณให้ได้
พิลเซิง : ...
ซุนยอง : ไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือเขาจะมีเรื่องกับใคร ฉันก็รับปากว่าจะอยู่เคียงข้างเขา ตลอดไป
พิลเซิง : ...
พิลเซิง : คือผมอยากจะเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงเชื่อใจ และก็อยากมีไว้เป็นที่พึ่ง
ยูจอง : ...

ความรักได้เข้ามาหาคนที่ไม่เชื่อในความรัก สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรจะลืมนั่นคือ ในชีวิตอันน่าอัศจรรย์ของคุณ มีเหมืองทองซ่อนอยู่

บทที่ 7 การที่เราชอบและรักใครสักคน นั่นก็หมายถึงว่า เรามีแต่คนคนนั้นอยู่เต็มหัวใจ ถ้าเราเห็นเขาร้องไห้ เรายิ่งรู้สึกเจ็บปวด สิ่งที่คุณไม่มีทางทำให้ตัวเองได้ แต่คุณทำให้คนคนนั้นได้ และในตอนนี้คุณกลับยิ่งเหงาเป็น 2 เท่า ก็เพราะคนคนนั้น และแล้ว.. คุณต้องฝ่าฟันกับเรื่องยุ่งๆและปัญหาที่เกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น

บทที่ 9 ความรักของแต่ละคนมีกลิ่นอายและสีสันแตกต่างกัน และสำหรับบางคน ความรักเหมือนความฝัน

ซุนยอง : คนอย่างฉันนะ ถึงจะล้มเป็นพันครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้นสู้ ฉันจะต้องหาเนื้อคู่ให้เจอแล้วจะมีชีวิตที่มีแสนสุข คอยดูซิ
พิลเซิง : ...

แต่สำหรับบางคน ความรักเหมือนอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน
แจวู : ไม่เห็นเหรอ ผมพยายามทำดีแค่ไหน ไม่ให้คุณต้องรู้สึกผิด คุณยังกล้าเป็นห่วงเขาต่อหน้าผม ทำไมไม่นึกถึงหัวอกผมบ้างล่ะ คุณคิดบ้างไหมว่า ผมจะรู้สึกยังไง
ซุนยอง : ขอโทษนะคะแจวู

สำหรับบางคน ความรักกลายเป็นการครอบครองและความผูกพัน
คุณป้า : เธอถึงได้มอบใจให้เขานะเหรอ
ยูจอง : ตอนนี้หนูไม่ควรจะเป็นผู้ช่วยของเขา หนูทราบดีค่ะ และก็ไม่คู่ควรเป็นลูกของคุณแม่ด้วย

แต่สำหรับบางคน ความรักคือ ...
มันมีค่าแม้จะทำได้แค่ยืนดูอยู่ห่างๆ

บทที่ 11 ไม่ว่าใคร ก็คงจะเคยรู้สึกว้าเหว่และโดดเดี่ยวเดียวดายราวกับว่า เราอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้และรู้สึกเหมือนไม่มีใครที่จะเข้าข้างเรา หรือรู้สึกว่าเราเป็นคนที่อาภัพอับโชคที่สุดในโลก

แต่ในทุกๆครั้งที่เราได้ตระหนักถึงเหตุผลที่เราควรจะเดินหน้าสู้ต่อไป สิ่งสำคัญที่มีค่ายิ่ง ที่เรากลับไม่เคยมองเห็น นั่นก็เพราะมันอยู่ใกล้ตัวเกินไป นั่นคือ ครอบครัวและผู้คนรอบกายที่เป็นห่วงเราและรักเรา

เหตุผลที่คนมีความสุข อาจเป็นเพราะพวกเขาได้อยู่ร่วมกับคนอื่น เพราะคุณยังมีคนอื่นๆที่จะหัวเราะและร้องไห้ร่วมไปกับคุณเสมอ

บทที่ 13 หลายคนมักจะพูดว่า ชีวิตมันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย บางคนรวยล้นฟ้า แต่บางคนก็ยากจนข่นแค้น บางคนเกิดมาไม่เคยได้เจอปัญหาแต่บางคนเกิดมา ชีวิตมีแต่ปัญหา อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถวัดความสุขได้จากสิ่งที่เรามี ในช่วงเวลาที่คุณคิดว่าคุณมีทุกสิ่ง อาจเป็นช่วงเวลาที่คุณต้องสูญเสียทุกสิ่ง แต่คุณกลับได้บางสิ่งบางอย่าง ในช่วงเวลาที่คุณสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง บางที ชีวิตก็ไม่ได้ไร้ความยุติธรรมไปซะทีเดียว สิ่งเดียวที่เราจำเป็นต้องมี นั่นก็คือ ความอดทนและความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่อยู่ตรงหน้า

บทที่ 14 ในกรุงโซล ที่ที่คน 10 ล้านคนอาศัยอยู่ ในเมืองหลวงแห่งนี้มีเรื่องราวเป็น 10 ล้านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน หยดน้ำตากลายเป็นเรื่องราว เสียงหัวเราะกลายเป็นชีวิต การแบ่งปันหัวใจกลายเป็นความสุข และเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันก่อเกิดเป็นความรัก ในตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้เหตุผล แต่ต่อไปภายหลัง คุณจะได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไม คุณต้องมีวันนี้และทำไม คุณถึงต้องมาพบกันและเหตุผลว่าทำไมสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันถึงเกิดขึ้นกับเรา

ฉากที่ประทับใจ

ในเรื่องนี้มีฉากนี้แหละที่ lunar ประทับใจที่สุด เป็นคำบอกรักจากพิลเซิง lunar เชื่อว่า ถ้าสาวคนไหนได้ยินคำพูดนี้จากชายคนหนึ่ง ก็อดที่จะรักชายคนนั้นไม่ได้ (แต่ต้องออกมาจากใจนะ)




ซุนยุง : ทำไมต้องเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ ยิ่งทำแบบนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่รู้มั๊ย นายน่ะชอบเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียวแล้วก็หัวเราะให้ฉันตลอดเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ ฉันถึงไม่เคยรู้ ก็ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงกันเล่า ฉันไม่ใช่พระเจ้านี่นา
พิลเซิง : ซุนยุง
ซุนยุง : รู้มั๊ยฉันรู้สึกผิดแค่ไหนเมื่อเจอเธอ ฉันรู้จักความรู้สึกนั้นดีนะ เวลาที่ต้องคอยมองใคร คนที่ไม่เคยแยแสเราเลย ไม่เคยมองเราแม้แต่หางตา ฉันรู้ว่ามันยาก ที่ต้องเฝ้ารอ และเฝ้าดู เพราะฉันเคยทำไม่รู้ว่าตั้งกี่ครั้งแล้ว ฉันรู้ ฉันรู้นะว่ามันแย่ขนาดไหน อย่าทำอีกเลยนะ พิลเซิง

ฉันไม่อยากให้ใครต้องแย่หรือมาเจ็บปวดเพราะฉันหรอกนะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวด อย่าทำอีกเลยนะ ถ้าหากว่าเธอคิดถึงฉันจริงๆ อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บเลยนะ พิลเซิง ฉันรู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ เพราะฉนั้น เลิกซะเถอะ เข้าใจไหม
พิลเซิง : ซุนยุง ฉันนะ ฉันไม่ได้เจ็บปวดหรอก ฉันก็แค่อยากเห็นเธอหัวเราะ เห็นเธอกินอิ่ม นอนหลับ แค่อยากจะเห็นเธอมีความสุข ก็แค่นั้นเอง

เธอก็ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกนะ เธอก็แค่ ทำตัวตามสบายก็พอแล้ว เธอแค่ อยู่ใกล้ๆกับคนที่เธอจะมีความสุขที่สุด ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอเธอมีความสุขฉันก็พอใจ ฉันเองก็แค่อยากจะขอบคุณ ที่มีเธออยู่บนโลกใบนี้
(น้ำตานองหน้าทั้งตัวละครและคนดู)

ฉากขำขัน
ในเรื่องนี้มีหลายฉากที่เป็นทำนองว่า พระเอกนึกเอาเอง คิด,คาดหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างตอนนี้ พิลเซิงได้เงินเดือนเดือนแรกมา ก็อยากจะให้ของขวัญคุณย่ากับคุณป้า โดยให้แบบเซอร์ไพรส์ แอบไปวางไว้ในห้องนอน แล้วหวังว่า ทั้งสองจะแสดงอาการดีใจที่ได้ของขวัญ


คิดว่าคุณย่าจะดีใจ แสดงอาการเอ็นดู ด้วยการตบก้น แล้วให้ขนมไปกิน

คิดว่าคุณป้าจะดีใจ แสดงอาการด้วยการ เสนอจะแคะหูให้ และบอกให้เรียกว่า แม่

แสดงให้เห็นว่า พิลเซิงก็ยังมีความคิดแบบเด็กๆอยู่ ดูฉากนี้ก็ขำๆแหะ

ตอนท้ายของเรื่อง
อย่างที่บอกอ่ะค่ะ ตอนท้ายของเรื่อง สนุกสนาน ไม่ควรมองข้าม

บทที่ 1


นี่เป็นฉากที่บอกที่มาของรูปถ่ายระหว่างแม่กับพิลเซิง รูปนี้เป็นเบาะแสเริ่มแรกที่ทำให้คุณนายชิน ต้อง ตามหาพิลเซิง

บทที่ 3


เป็นฉากที่แฟนของยูจองซักซ้อมการสวมแหวนหมั้น โดยใช้เพื่อนรัก (แจวู) เป็นคู่ซ้อม ขณะกำลังซ้อมอยู่ ยูจองก็เปิดประตูเข้ามาเห็น (ผู้หญิงคนไหนเห็นแฟนตัวเองสวมแหวนหมั้นให้ผู้ชาย ก็ต้องช็อคแหละน๊า)

บทที่ 5



เป็นฉากที่บอกเล่าถึงการพบกันระหว่างซุนเพียวกับพิลเซิงที่ภูซาน พิลเซิงเข้าไปช่วยซุนเพียวขณะที่เขากำลังโดนทำร้าย เป็นฉากที่บอกถึงความเก๋าของพระเอก

บทที่ 7



ฉากนี้เป็นฉากที่สำคัญและสนุกสนานอีกฉากหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวสมัยเรียนของพ่อแม่ซุนยอง และ มินกีเบ็ก ให้เห็นว่าทั้งคู่รักกันตั้งแต่ยังเรียนด้วยกัน โดยมี มินกีเบ็ก แอบรักแม่ซุนยองข้างเดียว
ตลกตรงที่ ไม่ใช้ตัวแสดงแทน แต่ใช้ตัวจริง แต่งตัวเป็นนักศึกษา ดูดูแล้วก็สงสาร มินกีเบ็ก นะ

บทที่ 9



ฉากนี้เป็นฉากที่ตลกที่สุดแล้วล่ะ lunar ดูกี่ครั้งก็ขำ คือขำที่คนพากย์ทำเสียงหัวเราะของสองคนนี่แบบว่า ขำสุดๆจริงๆ
เป็นฉากการนัดบอร์ดของมินกีเบ็กกับสาว ขณะที่กำลังทำความรู้จักกันนั้น สองคนนี้ก็นินทาแบบดังๆ หัวเราะสนั่นหวั่นไหว ทำนองว่า ขำกับทรงผมของมินกีเบ็ก แซวไปต่างๆนาๆ (ตอนนั้น สองคนนี้ยังไม่รู้จักมินกีเบ็ก)
ฉากตัดมาที่ สองคนนี้มาทำงานวันแรกที่บริษัทเบสท์ แล้วก็พบว่า มินกีเบ็กเป็น director ที่นั่น ทั้งคู่ได้แต่คุกเข่าอ้อนวอนขอให้ลืมเรื่องวันนั้น และตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองก็เป็นลูกน้องของเขา

บทที่ 11


ฉากนี้เป็นฉากที่บอกถึงความเก๋าของพ่อซุนยุง เขาสู้กับนักเลงได้หลายๆคน ในขณะที่มินกีเบ็กได้แต่กลัวและหลบอยู่ข้างหลังเขา สัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บอกถึงความเจ๋งคือ การบีบเมล็ดเก๋าลัดแตกเป็นผง โดยสัญลักษณ์นี้เขาได้นำกลับมาใช้อีกครั้ง เมื่อไปพบกับมินกีเบ็กในปัจจุบันเพื่อบอกให้มินกีเบ็กเลือกยุ่งกับภรรยาเขา ซึ่งมินกีเบ็กเมื่อเห็นท่าของการบีบเมล็ดเกาลัด ก็เข่าอ่อนทันที

บทที่ 15 (ตอนจบ)




ฉากจบในตอนท้ายเรื่อง เป็นการบอกให้รู้ว่า พิลเซิงคือหลานแท้ๆของคุณนายชิน โดยแสดงหลักฐานการตรวจสอบ DNA และฉากการย้อนไปเมื่อครั้งที่พ่อของพิลเซิงมาพบแม่ของเขาที่ภูซาน

เก็บตก
เก็บตกเล็กๆน้อยๆ จากการสังเกตุของ lunar ค่ะ


สังเกตุเห็นว่าคนเกาหลีชนชั้นกลาง มักจะนั่งพูดคุยล้อมวงตรงกลาง ไม่นั่งบนเก้าอี้หรือมีโต๊ะอยู่ตรงกลาง เวลาทานข้าว ก็มีโต๊ะเตี้ยๆเพียงตัวเดียว จะว่าเป็นต่างจังหวัดก็ไม่น่าใช่ เพราะในเรื่องนี้ ปูพรมอยู่ที่โซล

เป็นนักเลงที่อยู่สถานีตำรวจ

เป็นนักสืบหาหลานชายท่านประธาน

เป็นตำรวจกำลังตรวจสอบมินกีเบ็ก

เป็นเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟฟ้า

4 รูปนี้สังเกตุเห็นมั๊ยค่ะว่า ตัวประกอบเป็นคนคู่เดียวกัน ปรกติ lunar ไม่ค่อยได้สังเกตหรอกค่ะ แต่ว่าทั้งคู่ออกมาบ่อยอ่ะ บ่อยจนรู้สึกว่าคุ้นๆหน้า play ไป play มา ก็ใช่จริงๆด้วยแฮะ

ซีรีย์เกาหลีเขาก็ประหยัดงบเหมือนกันเน้อ อิอิ

0 Comments: