Saturday, February 25, 2006

Europe in Memories #5

วันเสาร์ที่ 15 พวกเรากลุ่มหนึ่งเริ่มทะยอยกลับกัน มี 6 คน อีก 6 คนที่เหลือจะอยู่เที่ยวต่อ ฉันอยู่ในกลุ่มที่จะอยู่เที่ยวต่อ เราอยู่ที่ปารีสต่ออีก 2 คืน พักที่โรงแรมเดิม ทาง Alcatel ใจดีมากเป็นสปอนเซอร์ค่าโรงแรมให้ ช่วง 2 วันที่เหลือนี้ พอดีเพื่อนพี่เอจที่พาพวกเราเที่ยวตอนไปอังกฤษ เขามาค้างกับเราด้วย คือเขาจะมาเที่ยวที่ปารีสนี้ด้วยเหมือนกัน วันนี้เราคิดกันว่าจะไปไหนกันดี แล้วก็ตกลงกันว่าจะไปพิพิธภัณฑ์ Louvre เราไปกัน 3 คนมี ฉัน, เกียร์, พี่เล็ก

พิพิธภัณฑ์ Louvre

ที่ Louvre นี่ใหญ่โตมโหฬารจริงๆ มีสถาปัตยกรรม, รูปเยอะจริงๆ ตอนแรกฉันดูแต่ละรูปก็ค่อนข้างพิถีพิถัน แต่ตอนหลังดูๆแล้วก็เดินๆ ถ้าใครชอบศิลปะ มาที่นี่คงไม่ผิดหวังแน่ เดินดู 1 วันคงไม่หมดหรอก ฉันก็ดูไปเรื่อยๆ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง พอดีฉันเห็นทัวร์กลุ่มหนึ่ง เป็นทัวร์คนไทย มีไกด์อธิบายภาษาไทย ฉันก็เลยแอบเป็นลูกทัวร์ของเขา ฟังเขาบรรยายไปด้วย พวกเราอยู่ที่นี่จนค่ำ ผลัดกันถ่ายรูปไปมา ก่อนกลับ ก็ไปถ่ายรูปตรงที่เป็นสัญลักษณ์ของ Louvre เป็นสถาปัตยกรรมแบบปิรามิดแก้ว ถ่ายกันตอนกลางคืน ก็ดูสวยไปอีกแบบ

ภายในพิพิธภัณฑ์ Louvre

วันอาทิตย์ ฉันกับพี่เล็ก ตกลงจะไปเที่ยวที่ Versailles เพราะพี่เล็กยังไม่ได้ไป ส่วนฉันก็ยังเดินไม่ทั่ว เราไปกัน 2 คน ส่วนเกียร์ไปกับกลุ่มพี่เอจ เราไม่ได้เข้าไปในพระราชวังกัน แต่เที่ยวที่สวนดอกไม้ ตกลงคือฉันได้ไปจนครบ ทั้งในวังและในสวนดอกไม้

บริเวณสวนดอกไม้ของ Versailles


วันนั้นอากาศมีหมอกเยอะ ถ่ายรูปออกมาเลยไม่ค่อยสวย ดูมัวๆชอบกล แต่เที่ยวในสวนดอกไม้ก็ให้บรรยากาศดี ได้นั่งรถเลื่อน เขามีบริการไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดิน เพราะสวนนี้กว้างมาก เราอยู่ที่นั่นกันจนเย็น คิดว่าควรกลับได้แล้ว ก่อนกลับที่พัก ฉันบอกพี่เล็กว่าอยากถ่ายรูปที่ Concorde เห็นมานานแล้วแต่ไม่ได้แวะสักที ฉันกับพี่เล็กก็เลยไปเก็บรูปครั้งสุดท้ายที่นี่ แล้วต่อด้วยแถวๆที่พัก แปลกดีนะ อยู่มานานไม่คิดจะถ่ายรูป มาถ่ายเอาวันสุดท้ายก่อนกลับ

Concorde (จากกล้องพี่เอจ)

เช้าวันจันทร์ที่ 15 ฉันออกจากโรงแรมไปสนามบิน Ch.De Gaulle โดยมีเจ้าหน้าที่จาก Alcatel สาวสวยคนเดิมไปส่งเรา แต่กว่าจะขึ้นเครื่อง นอกจากจะ check-in แล้ว ยังต้องจัดการกับการทำ tax refund ข้าวของต่างๆที่พวกเราซื้อกันมา

เราขึ้นเครื่องไปลงที่ Amsterdam โดยสายการบิน KL328 เวลา 16.25 เมื่อมาถึง Amsterdam เราต้องโบกมือลาพี่เล็ก เพราะพี่เล็กจะกลับกรุงเทพฯเลย ตกลงทัวร์ของเราก็เลยเหลือเพียง 5 คน มีฉัน, พี่เอจ, พี่อั้น, พี่ป๋วย, เกียร์

ที่สนามบิน เราต้องจัดการหารถเช่า ซึ่งเราโชคดีหน่อยที่เราให้ทาง Alcatel ช่วยติดต่อให้ก่อน เลยได้ราคาพิเศษ เราได้รถ Opel ก็พอดีนั่งได้ 5 คน (ไม่ผิดกฎหมาย) หลังจากติดต่อเรื่องรถ เราก็เอากระเป๋าสัมภาระต่างๆ ไปฝากไว้ที่สนามบิน แต่ละคนเหลือเพียงเป้ขนาดย่อมๆ พอใส่เสื้อผ้าสำหรับอีก 5 วันที่เหลือเท่านั้น

วันนั้นกว่าจะออกสนามบินก็เริ่มค่ำแล้ว พี่เอจเป็นโชเฟอร์ขับรถพาพวกเราออกจากสนามบินมุ่งตรงไปเมือง Den Haag ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Amsterdam นัก โดยมีพี่อั้นคอยดูแผนที่ จุดหมายของเราคือ Youth Hotel โชคดีที่เราไปกันถูกทาง ไม่หลงทางกัน คืนนั้นเราเลยได้พักที่นี่

วันที่ 16 เราไปเที่ยวเมืองจำลอง Madurodam เป็นเมืองจำลองสถานที่ต่างๆของ ฮอลแลนด์ แต่ก่อนถึง Madurodam เราไปเจออาคารหนึ่งทรงแปลกๆ ตอนหลังถึงรู้ว่านี่คือ ศาลโลก นั่นเอง ครึ่งวันนั้นเราเที่ยวกันที่นี่ ที่ประเทศนี้ฉันได้ยินกิตติศัพท์มาก่อนแล้วว่า เป็นประเทศที่ค่อนข้างน่ากลัวเรื่องการปล้น จี้ ขโมย โดยเฉพาะที่เมือง Amsterdam บ่ายๆเราออกจาก Den Haag มุ่งตรงไป Brussels ประเทศเบลเยี่ยม


ศาลโลก

Madurodam

กิจกรรมการท่องเที่ยวของเรา ก็จะเป็นในลักษณะนี้ คือเช้าถึงบ่ายๆ จะเที่ยวที่เมืองนั้นๆก่อน อาหารกลางวันก็กินอาหารพื้นเมือง หรืออาจเป็นพวก “M” หลังจากนั้น ก็ขับรถไปอีกเมืองหนึ่ง ไปถึงก็ตรงไปหาสนามบิน ทำอะไรเหรอ ก็ขอแผนที่ท่องเที่ยวในเมืองนั้น หลังจากนั้น ก็หา Youth Hotel (ตลอดเวลาที่ไปประเทศต่างๆ พวกเราพัก Youth Hotel กันหมด ยกเว้นคืนสุดท้าย) ตบท้ายอาหารเย็นด้วยการกินอาหารจีน (เป็นส่วนใหญ่) หรือกรณีที่ Youth Hotel มีอาหารค่ำ include มากับค่าห้องแล้ว เราก็กินที่นั่นเลย ส่วนอาหารเช้า ที่ Youth Hotel ก็มีบริการอยู่แล้ว ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าคืออะไร ฉันได้กินขนมปังแปลกๆของแต่ละประเทศ บางประเทศก็แข็งๆ, บ้างก็ใส่เมล็ดอะไรก็ไม่รู้ลงไปด้วย, บ้างก็ขนมปังมีสีหม่นๆมีกลิ่นแปลกๆ สรุปแล้วขนมปังฝรั่งเศสที่ฉันเคยคิดว่าไม่อร่อยนั่นแหละ เป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดแล้ว

ที่ Brussels นี้ใช้เงินสกุลของประเทศเขาเอง กลุ่มเราไม่มีใครแลกเงินมาก่อนเลย ยกเว้นฉันคนเดียว ฉันไม่ได้แลกมาจากเมืองไทยหรอก ไปแลกตอนอยู่ปารีส ต้องขอบคุณพี่เล็กที่แนะนำให้แลกมาก่อน ทั้งๆที่ต้องเสีย rate 2 ครั้งก็ตาม อาหารเย็น จำได้ว่ากินเจ้าตัว M อีกแล้ว แต่ก่อนที่เราจะกินอาหารค่ำวันนั้น มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เอาพวกเราตกอกตกใจกัน ก็คือว่าในระหว่างทางที่เราไปหาอาหารค่ำกิน เราก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ทีนี้พี่เอจเขาวางกระเป๋าทิ้งเอาไว้ตอนกำลังถ่ายรูป แล้วลืมหยิบออกมา ซึ่งกระเป๋าพี่เอจนี่เขาใส่ของสารพัด รู้สึกว่าจะมี passport ของพวกเราทั้งหมด เงินทั้งหมดของพี่เอจ และเงินสกุลอื่นของพวกเราบางส่วนที่พี่เอจแลกไว้ตั้งแต่ตอนอยู่กรุงเทพฯ ก็อยู่ที่พี่เอจด้วย โชคดีที่รู้ตัวทัน รีบวิ่งกลับไปเอาโดยที่ยังไม่มีอะไรหายไป หลังกินเจ้า Mac เสร็จ เรา shopping กันนิดหน่อย ซื้อน้ำ, ขนมปัง ของที่จำเป็น แวะเดินรอบๆเมืองก่อนกลับที่พัก


Grand Place

รูปจาก postcard

เช้าวันพุธ เราไปในเมือง หลังจากดูสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว พวกเราก็ไป Grand Place เป็นบริเวณสถานที่ที่มีตึกใหญ่ล้อมรอบ 3 หรือ 4 ด้าน (ไม่แน่ใจ) ตรงกลางจะเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่มาก ฉันไม่ได้เห็นสวนดอกไม้ของจริงหรอก เห็นใน postcard เข้าใจว่าจะมีสวนดอกไม้ในบางฤดูกาลเท่านั้น ถัดจาก Grand Place นี้จะมีรูปปั้นที่โด่งดังแห่งหนึ่งของโลก ก็รูปปั้นเด็กฉี่ไง ชื่อว่า Manneken-Pis พวกเราหากันไปมาไม่คิดว่าของจริงจะมาตั้งหลบๆอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง พวกเราก็ถ่ายรูปสมใจอยาก เสียดายรูปหลายรูปที่ฉันถ่ายตอนไปเที่ยว 5 วันนี้ อยู่ในกล้องพี่เอจ พี่เอจกวนมากไม่ยอมให้ยืมฟิลม์ ฉันเลยไม่มีรูปจากกล้องพี่เอจ รวมทั้งรูปปั้นเด็กฉี่นี้ด้วย

รูปปั้นเด็กฉี่ Manneken-Pis

ออกจาก Grand Place พวกเราไปสถานที่แห่งหนึ่ง เรียกว่า Atomium เป็นลักษณะคล้ายอะตอม (เหมือนที่เราเรียนในวิชาเคมี) มาต่อกันเป็นโครงสร้าง จริงๆแล้ว Atomium นี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก คืออะตอมหนึ่งๆจะเป็นห้องๆหนึ่งเลย ภายในจะมีนิทรรศการต่างๆ (ทำเหมือนกับไปเห็นมา) จริงๆแล้วฉันไม่ได้เข้าไปข้างในหรอก ได้ยินเขาพูดกัน (ฮ่าฮ่า) พวกเราพอได้ยินว่าต้องเสียค่าผ่านประตู (ที่ค่อนข้างแพงเหมือนกัน) ก็เลยถอยกลับ ได้แต่ถ่ายรูปไปพลางๆ (ทัวร์ประหยัดจริงๆ)

Atomium & Mini-Europe

ไม่ได้เข้าไป Atomium ไม่เป็นไร ใกล้ๆกันนั้นมีเมืองจำลองชื่อ Mini-Europe ซึ่งต่างกับที่ Madurodam ตรงที่ Mini-Europe จะรวมสถานที่ที่สำคัญทั้งหมดในประเทศแถบยุโรป แต่ที่ Madurodam จะมีสถานที่เฉพาะในประเทศฮอลแลนด์เท่านั้น พวกเราก็เข้าไปเที่ยวที่นี่ ก็ดี เหมือนมายุโรปรอบสอง ได้ทบทวนสถานที่ที่ไปมากัน

Mini-Europe

ที่ Brussels นี้ได้ยินมาว่ามีของขึ้นชื่ออย่างหนึ่งคือ chocolate พวกเราเดินเที่ยวรอบๆ เห็นร้านขาย chocolate ก็เลยว่าจะซื้อกลับบ้านซะหน่อย เจ้าของร้านชักชวนให้ลองชิม พวกเราก็ชิมกันใหญ่ คนละก้อน 2 ก้อน หลังจากตกลงว่าจะซื้อละ คนขายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หยิบมา 1 ก้อน ชั่งว่าหนักเท่าไรแล้วก็คิดจำนวน chocolate ที่พวกเราซื้อ รวมกับจำนวนทั้งหมดที่ชิมไป คิดราคาออกมา พวกเราก้อ เอ๋อไปเลย

0 Comments: