Thursday, March 23, 2006

พระจันทร์ข้างแรม


ไม่ได้เขียน blog มาหลายวัน หลายวันมานี้จิตใจมันหดหู่บวกกับอาการกึ่งๆเหงาเหมือนโดนทอดทิ้ง ทำให้เขียนไรไม่ออก
วันก่อนฟังเกี่ยวกับเรื่องพระจันทร์ ว่าพระจันทร์ก็มีทั้งเต็มดวง มีทั้งข้างขึ้นข้างแรม เหมือนชีวิต, อารมณ์ของคน ถ้างั้นสำหรับ lunar แล้ว ตอนนี้คงเป็นพระจันทร์ข้างแรม

อาการเริ่มตั้งแต่เย็นๆวันอาทิตย์ หลังกลับจากไปเชงเม้งที่ชลบุรี (ปีนี้ขากลับมีฝนตกมาด้วย ทำให้คลายร้อนไปได้เยอะ) ตั้งแต่ไหว้เสร็จ กินข้าวเที่ยง แล้วนั่งรถกลับมา นั่งคิดไรไปเรื่อยเปื่อย เริ่มจากคิดว่านี่คงเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อน ที่กำหนดให้มีวันร่วมกตัญญูขึ้น เพื่อให้ลูกหลานได้กลับมาพบปะกันอย่างน้อยก็ปีละครั้ง ก็จะมีวันไหนล่ะ ที่จะสามารถรวบรวมลูกหลานได้มากที่สุดในหนึ่งวัน ถ้าไม่ใช่วันนี้

หากจะมีสถานที่ที่หนึ่งที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สถานที่แห่งนี้ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น lunar มาตั้งแต่เด็ก จนถึงตอนนี้ก็หลายปีแล้ว มาทุกปี ห่างหายไปแค่ 2-3 ครั้ง ตอนสอบเอ็นทรานซ์ และก็ตั้งใจว่าจะมาทุกปี อีกอย่างสังเกตว่า คนที่มา ก็มาซะทุกปี ส่วนใครที่ไม่ค่อยมาหรือไม่เคยมา ก็ไม่มา ปีหน้าแทบจะรู้ได้เลยว่าใครจะมาบ้าง

เห็นลูกพี่ลูกน้องแต่ละคนมาพร้อมหน้ากัน หลานๆหลายคน แล้วก็ทำให้นึกว่า ถ้าอากงกับอาม่ามาเห็นคงปลื้มไม่น้อย ตามความคิดของเรานะ เราว่า ชีวิตของ lunar ประสบความสำเร็จไม่ได้ครึ่งหนึ่งของอาม่าเลย ทั้งๆที่อาม่าเป็นคนจีนที่มาจากประเทศจีน ไม่รู้หนังสือ ทำงานรับจ้างทำขนมกุ๊ยฉ่ายขาย แต่ประสบความสำเร็จที่สามารถเลี้ยงลูกหลาน จนทุกวันนี้แต่ละคนมีครอบครัว มีหน้าที่การงานที่ดี (คนมัน sensitive เขียนมาถึงตรงนี้ น้ำตาพาลจะไหลออกมา)

นั่งมองวิว ภูเขา ท้องฟ้า ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นกับการงาน เรื่องรกสมอง กลับสงบลงได้ กลับมาทำงานวันจันทร์ ตอนเย็น ได้ข่าวว่า พ่อของอนงค์เสียกะทันหัน ทำให้เศร้าลงไปอีก lunar เคยไปบ้านอนงค์ที่อุตรดิตถ์เมื่อปลายปี 2541 แล้วก็รู้จักพ่อของอนงค์ด้วย เสียใจกับเพื่อนด้วยนะ

บรรยากาศเศร้าๆ อยากพูดคุยกับใครสักคน แต่กลับรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว กลับมาบ้านสมองมันมึนตึบไปหมด พระจันทร์วันนี้ แสงสลัวจริงๆนะ

0 Comments: