Sunday, June 15, 2008

ปักกิ่ง - Day 1


ถึงปักกิ่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้า สนามบินที่นี่ดูกว้างใหญ่ โอ่โถง หรูมากเลยอ่ะ ดูดีกว่า สุวรรณภูมิตั้งเยอะ ได้ข้อมูลมาว่า สนามบินนี้เป็นสนามบินใหม่ เพิ่งเปิดมาเมื่อวันที่ 26/03/08 นี้เอง

ต้องนั่งรถไฟฟ้าเพื่อไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า เหมือนที่ฮ่องกงเลยแหะ ไหงบ้านเราไม่ทำอย่างนี้บ้าง ต้องเดินกันขาลากซะนี่

หลังจากตรวจคนเข้าเมืองเสร็จแล้ว ไกด์เมืองจีนก็มาต้อนรับ เป็นผู้หญิงมีชื่อไทยว่า ฝน หน้าตาสวยน่ารักด้วยนะ พูดไทยคล่องมาก

ออกจากสนามบิน ไปกินข้าวเช้ากันก่อน ไกด์จัดแจงแบ่งที่นั่งให้เสร็จสรรพ มี 2 โต๊ะ โต๊ะ 1 มี 9 คน อีกโต๊ะก็ 8 คน ฉันอยู่โต๊ะ 1 ไกด์บอกเพื่อไม่ให้ยุ่งยาก เลยจัดแบ่งแบบนี้

โต๊ะที่ฉันนั่ง มีอีก 2 ครอบครัว ครอบครัวแรกมากัน 4 คน พ่อ แม่ แล้วก็ลูกสาวอีก 2 คน รุ่นเดียวกับฉันเลยอ่ะ ส่วนอีกครอบครัว เป็นแม่กับลูกชาย ลูกชายเพิ่งเรียนจบจากอเมริกา มาเที่ยวพักหนึ่งแล้วจะกลับไปเรียนต่อ
อาหารจีนมื้อแรก อร่อยพอสมควร จัดเป็นแบบโต๊ะจีน กับข้าวอยู่ตรงกลาง (จำไม่ได้แล้วหรอกว่ามีอะไรบ้าง เพราะทุกมื้อจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด)

โปรแกรมแรกของวันนี้ คือพระราชวังกู้กง หรือก็คือ พระราชวังต้องห้าม นั่นเอง วันนี้ต้องเดินมากที่สุดของทริปนี้เลย คุณหมูให้เหตุผลว่า เพราะวันแรกยังมีแรงดีอยู่ วันหลังๆจะเริ่มหมดแรง เลยต้องใส่รายการนี้ในวันแรก

รถบัสปล่อยพวกเราไว้ที่ถนนด้านหนึ่ง ต้องเดินเป็นระยะทางพอสมควรก่อนเข้าประตูวัง ตลอดทางฉันก็สังเกตว่า ถนนในปักกิ่งนี้ จะมีเลนจักรยานโดยเฉพาะ ซึ่งความกว้างก็ประมาณ 1 เลนปรกติเลย คนที่นี่ก็นับว่า ยังขี่จักรยานกันพอสมควร จักรยานก็มีหลากหลายประเภท แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจักรยานเก่าทั้งนั้น ไม่เช่นนั้น คงใช้ได้ไม่กี่วันก็คงโดนขโมย

อีกอย่าง รถเมล์ที่นี่ มีทั้งแบบใช้น้ำมัน กับใช้ไฟฟ้า สังเกตุเห็นมีสายไฟโยงใยอยู่เหนือถนนตลอดเส้นทางที่รถเมล์วิ่งผ่าน โดยมีสายไฟ 2 เส้นโยงมาที่รถเมล์ ไกด์บอกว่า ค่ารถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดินที่นี่ถูกมาก เช่น 4 สถานีแรก ราคา 5 เหมา (10 เหมา = 1 หยวน = 5 บาท)

รถเมล์ไฟฟ้า

สายไฟฟ้าระโยงระยางทั่วถนน
ไปพระราชวังกู้กง ได้เดินดูสถานที่ที่ครั้งหนึ่งฮ่องเต้ และพระราชวงศ์ได้เคยประทับอยู่ พระราชวังมีจำนวนหลายหลังมาก บางแห่งก็กำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่

บริเวณทางเข้าวัง

ด้านหน้าของวัง

ด้านหน้าวังกู้กง

ไกด์ฝนก็พยายามอธิบายประวัติความเป็นมาของพระราชวังแต่ละแห่ง แต่ก็จำไม่หมดหรอกนะ ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง เพราะมัวแต่สาละวนกับการถ่ายรูป ก็ให้เวลาแต่ละแห่งนิดเดียวเองนี่นา

ภูเขาหินจำลอง

ต้นไม้ใหญ่ ลำต้นเป็นลายทาง

ต้นไม้คู่รัก

หินอ่อน สลักเป็นรูปมังกร

นาฬิกาแดด



หยกขนาดใหญ่

ทางเดินขึ้นเข้าวังอันลือชื่อ ตรงกลางสลักด้วยหินอ่อน


ฉันว่า คนในยุคนั้นๆถ้าได้มาเห็นราษฎร (นักท่องเที่ยว) ในปัจจุบันมาเดินขวักไขว่ในพระราชวังเต็มไปหมด คงอยากกลั้นใจตายไปอีกรอบแน่ อย่างสะพานบางสะพานที่จำกัดเฉพาะฮ่องเต้พระองค์เดียวเท่านั้น หรือผู้ที่สอบได้จอหงวนเท่านั้น ถึงจะเดินได้ หรือพวกประตูต่างๆก็ลักษณะแบบเดียวกัน แต่ปัจจุบัน พวกนักท่องเที่ยว(รวมทั้งตัวฉันด้วย) ก็ได้ไปเดินกันอย่างสบายใจซะเนี่ย

ทางเดินตรงกลางนี่แหละ ที่เฉพาะฮ่องเต้เดิน
เดินในพระราชวังนี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้มั้ง เพราะกว้างขวางมาก ออกจากพระราชวัง ด้านหน้าก็เป็นจัตุรัสเทียนอันเหมิน ไม่ได้ข้ามไปหรอก มองเห็นไกลๆ ถ่ายรูปจากฝั่งนี้แทน เพราะดูแล้วก็เป็นลานกว้างๆประมาณนั้น

อาหารเที่ยง...

รถจักรยาน(อีกแบบหนึ่ง)

รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง

ของเล่น ของที่ระลึกตรงทางเข้าหอฟ้าเทียนถาน

ตอนบ่ายไปหอฟ้าเทียนถาน
สถานที่นี้เหมือนจะเคยเห็นในทีวี ตรงที่มีแป้นตรงกลาง คงเป็นศูนย์รวมอะไรสักอย่าง ขึ้นไปยืนตรงนั้นแล้วอธิษฐาน คนเข้าแถวไปรออธิษฐานถ่ายรูปกันตั้งเยอะ

ซุ้มทางเข้าหอฟ้าเทียนถาน

แป้นตรงกลางนี่แหละ อธิษฐานขอพรแล้วก็ถ่ายรูปซะ
หอฟ้าเทียนถานนี้ เป็นหอบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน มีหลายส่วนมากๆ ต้องเดินเข้าไปเรื่อยๆ หอแรกๆใกล้ทางเข้าจะไม่ค่อยสูงนัก หอสุดท้ายเนี่ยซิ อลังการงานสร้างจริงๆ ใหญ่โตและสวยงามมาก

เสียดายที่แบตเตอรี่หมด ไม่ได้ถ่ายรูปเลย (ก็แบบนี้ละน๊า ยืมพี่ชายมา มันยังไม่ค่อยคุ้นมือ)

กำแพงข้างหอฟ้านี้ ถ้าเราตะโกนใส่ไปที่ด้านหนึ่ง มันจะสะท้อนเสียงออกมาอีกด้านหนึ่ง อันนี้ ตอนยืนดูพวกนักท่องเที่ยวเล่นกัน ก็เห็นว่าจริงแหะ แต่พอไปลองมั่ง ก็ไม่รู้ว่าสะท้อนหรือเปล่า (เพราะต้องให้อีกคนยืนอยู่ด้านตรงข้ามแล้วฟังเสียงที่เราตะโกน)

ออกจากที่นี่ โปรแกรมต่อไปคือ ไปดูกายกรรมปักกิ่ง
ว๊า มันจะเหมือนพวกกายกรรมเปียงยาง ยืนต่อโต๊ะ ต่อตัว โยนของไปมาหรือเปล่า เข้าไปสงสัยจะหลับแหง

เจ้าของโรงละครน่าจะปรับปรุง ที่นั่งให้ดูใหม่ ทันสมัยกว่านี้สักหน่อย ดูเก่าๆแหะ มาดูกายกรรมที่นี่ ต้องมาก่อนเวลาสัก 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มแสดง เพราะเดี๋ยวจะไม่มีที่นั่ง (ตั๋วไม่ได้กำหนดหมายเลขที่นั่งไว้)

นั่งหลับดีกว่า ตื่นมาพอดีการแสดงเริ่มเลย

ไม่ได้ตั้งความหวังมาก แต่การแสดงออกมาดีแหะ ไม่เหมือนพวกกายกรรมเปียงยาง นักแสดงที่นี่เป็นศิษย์เส้าหลิน การแสดงแต่ละชุด เน้าความแข็งแรง แล้วก็การทำงานเป็นทีมที่ดีมาก

มีการแสดงการเปลี่ยนหน้ากาก (mask opera) ด้วยอ่ะ เพิ่งเคยเห็นของจริงก็คราวนี้ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงเปลี่ยนชุดด้วย คล้ายกับการแสดงเปลี่ยนหน้านั่นแหละ แต่นี้เปลี่ยนทั้งชุด

ดูแล้วก็ทึ่งในความสามารถและความลับของการแสดงชุดนี้ซะจริง แค่สะบัดหน้า หน้าก็เปลี่ยน นักแสดงเดินลงมาจับมือกับผู้ชม แล้วเขาก็เปลี่ยนหน้า อยากรู้จัง ความลับของการแสดงนี้คืออะไร

อาหารเย็น..

บนรถ ไกด์หมูให้โหวตว่า ถ้ามาปักกิ่งแล้วอยากเที่ยวให้ครบ มีเพิ่มอีก 3 โปรแกรมคือ ดูหมีแพนด้า แกะสลักน้ำแข็ง นั่งสามล้อเที่ยวหูต่ง เพิ่มเงินอีก 1000 บาท จะไปกันไหม

ฉันอยากมาเดินเที่ยวหูต่ง เมื่อวานเพิ่งดูรายการ said around the world พามาเที่ยวที่หูต่ง พิธีกรบอกว่า ถ้าใครมาปักกิ่ง ไม่ได้มาเดินที่นี่ เหมือนไม่ได้มา อีกอย่างเคยดูสารคดีเกี่ยวกับชุมชนแห่งนี้มาแล้ว อยากมาอ่ะ ก็เลยตอบ ok ไป 3 คน 3000 บาท สรุปว่าไปกันทั้งหมดนั่นแหละ (เหมือนโดนบังคับงั้นแหละ)

กลับเข้าโรงแรม JINQIAO APARTMENT HOTEL ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นทั้งอพาร์เมนต์กับโรงแรม ห้องกว้างใหญ่มาก นอน 3 คนสบายมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทั้งตู้เย็น (ที่ตลอดทั้ง 3 คืน ไม่สามารถเปิดปุ่ม on ได้) ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า (ที่ไม่สามารถใช้งานได้ เพราะมีแต่ภาษาจีน) เตาแก็ส แอร์ 2 เครื่อง เครื่องทำความร้อน คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ครบจริงๆ

0 Comments: